"ทนายอนันต์ชัย" ย้ำยังมี "บิ๊กเซอร์ไพรส์" แต่ขอเลื่อนวัน

28 กันยายน 2566 ยังคงต้องจับตา สำหรับ บิ๊กเซอร์ไพรส์ ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่เตรียมจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า หลังมีการแต่งตั้ง ทนายอนันตชัย ไชยเดช เป็นทนายความกรณี ที่มีการยื่นขอหมายค้นบ้าน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการออกหมายจับตำรวจ ที่เป็นทีมงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จำนวน 8 นาย โดยคดีดังกล่าว ศาลอาญานัดสั่งไต่สวนคำร้องละเมิดอำนาจศาล กรณีขอหมายค้นบ้าน วันที่ 25 ต.ค. นี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• เปิดภาพ ‘บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก’ ทานข้าว พูดคุย กอดเอว อย่างชื่นมื่น
• ศาลอาญา เเจงปมออกหมายค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก" ชี้ ไม่ต้องคำนึงเป็นบ้าน ขรก. ระดับสูง
• "บิ๊กโจ๊ก - ทนายอนันต์ชัย" เผยสัปดาห์หน้า มีบิ๊กเซอร์ไพรส์วงการสีกากี

ล่าสุด มีรายงานว่า ทนายอนันตชัย ไชยเดช ในฐานะทนายความที่ทำคดีให้กับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ได้มีการโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช ระบุว่า 

ธนู เมื่อขึ้นสายแล้ว ต้องยิงให้เต็มเหนี่ยวและตรงตรงเป้าหมาย !

ขณะที่แม่ทัพออกรบอยู่บนหลังม้า ได้เล็งและยิงลูกธนูออกไปยังศัตรูฝ่ายตรงข้าม ทุกดอกที่ยิงออกไปถูกศัตรูอย่างแม่นยำ จนศัตรูถึงแก่ความตาย และกำลังเล็งจะยิงอีก 1 ดอก ไปยังแม่ทัพของศัตรู ซึ่งหากยิงธนูดอกนี้ไปการรบครั้งนี้จะชนะทันที 

แต่ในขณะที่แม่ทัพกำลังจะยิงธนูนั้น มีพระราชโองการจากฮ่องเต้ว่า ให้ถอยทัพเพราะศัตรูขอเจรจา แม่ทัพจะทำอย่างไร ???

ถ้าถามผม ผมจะตอบว่า “ เกาทัณฑ์ เมื่อขึ้นสายแล้ว ก็ต้องยิงให้เต็มเหนี่ยว และตรงเป้าหมาย “ ถ้าผมเป็นแม่ทัพ ผมยิง แม้จะขัดราชโองการและแม้จะกลับมาถูกตัดหัวก็ตาม เพราะแม่ทัพจะชนะศึกครั้งนี้ทันที ศัตรูจะเกรงกลัวไม่กล้าต่อกรอีกต่อไป 

#ในสนามรบแม่ทัพย่อมใหญ่กว่าฮ่องเต้
แล้วถ้าท่านเป็นแม่ทัพ ท่านจะตัดสินใจอย่างไร  ????
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช
( ทนายกระดูกเหล็ก)

ทำให้ผู้สื่อข่าวเนชั่น จึงได้สอบถามไปยัง ทนายอนันต์ชัย ถึงกรณีที่โพสต์ดังกล่าวว่า บิ๊กเซอร์ไพรส์ จะยังเกิดขึ้นหรือไม่ โดย ทนายอนันต์ชัย ระบุเลยว่า “ถามแบบนี้ แสดงว่าไม่รู้จักอนันต์ชัย ผมเป็นแม่ทัพ ฮ่องเต้สั่งให้หยุด ผมก็ไม่หยุด แม้จะโดนประหารก็ตาม” 

เมื่อถามว่า มีใบสั่งหรือมีอุปสรรคอะไรในตอนนี้หรือไม่ ทนายอนันต์ชัย ระบุว่า “มีนิดหน่อย แต่อย่าไปพูดถึงเลย” พร้อมยืนยันว่า ยังมีบิ๊กเซอร์ไพรส์เช่นเดิม แต่ขอเปลี่ยนจากวันอังคารที่ 3 ต.ค. เป็นวันพฤหัสบดีที่ 5 ต.ค. นี้ เพราะตอนนี้ยังขาดเอกสารอยู่ 2 - 3 ฉบับ รวมถึงยังติดไปต่างจังหวัด และว่าความที่ศาลด้วย แต่ยืนยันแน่นอนว่า ยังมีบิ๊กเซอร์ไพรส์สัปดาห์หน้าอย่างแน่นอน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เนื่องจากว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว

ส่วนการพูดคุยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในการเดินหน้าฟ้องร้องคดีต่าง ๆ นั้น ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ก็คุยกันประจำอยู่แล้ว ซึ่งก็ได้กำชับ บิ๊กโจ๊ก ว่า “ถ้าจะให้ตัวเองเป็นทนายความ ต้องหยุดการให้สัมภาษณ์นักข่าว และต้องให้ตนเองเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ได้คนเดียว” เพราะเวลาพูดไปแล้ว จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน อย่างเช่นนักข่าว ที่ได้รับความเดือดร้อนไปด้วย


มอง "มินนี่" ให้สัมภาษณ์เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี 

ส่วนประเด็นของ มินนี่ ที่ว่าจะมีการพูดคุยกันนั้น ทนายอนันต์ชัย ระบุว่า ตนก็อยากพูดคุยกับ มินนี่ มาก ในประเด็นที่ มินนี่ ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) แต่ก็ยังไม่ได้พูดคุยกัน โดยเชื่อว่า จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก จึงพยายามนัดหมายให้มาเจออยู่ แต่เนื่องจากตนติดไปต่างจังหวัด และตัว มินนี่ ก็จะบินกลับไปสิงคโปร์ด้วย
 

คนที่เขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไปยืนยันการันตีว่า ผิดคือผิด คุณไปการันตีอะไรได้ขนาดนั้น แล้วคุณไปเกี่ยวข้องอะไร ไม่ได้เป็นผู้พิพากษา คุณพูดแทนหมดเลย ไม่เห็นใจเขาบ้างหรือ เขาเป็นผู้หญิง และต่อให้เขาผิด คุณก็ไม่มีสิทธิไปประจานเขา

 

ส่วนกรณีปรากฎภาพระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ว่าที่ ผบ.ตร. นั้น ตนมองว่า จริง ๆ เขาไม่ได้ทะเลาะกัน จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีอายุราชการอีกหลายปี อย่าดึง "บิ๊กโจ๊ก" เข้าไปเกี่ยวข้อง กับการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ถึงแม้ว่า "บิ๊กโจ๊ก" จะมีคุณสมบัติครบถ้วนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ และการชิงตำแหน่งในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับ "บิ๊กโจ๊ก" เลย เพราะคนอื่นอายุราชการน้อยเหลือแค่ปีเดียว แต่นักข่าวไปประโคมข่าวกันเองว่า ทั้ง 2 คนทะเลาะกัน ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่