พยานปากสำคัญ เผยนาทีเกิดเหตุยิง "สารวัตรแบงค์" เหตุการณ์เป็นแบบนี้

11 กันยายน 2566 ความคืบหน้าคดี พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว “สารวัตรแบงค์” สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ถูกยิงเสียชีวิตอย่างอุกอาจ โดย "หน่อง ท่าผา" ขณะเข้าร่วมงานเลี้ยงบ้าน "กำนันนก" ต.ตาก้อง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม เมื่อกลางดึกวันที่ 6 ก.ย. 66 ซึ่งขณะนี้ตำรวจ ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องแล้วหลายราย รวมถึงอยู่เร่งสวนสวนพยาน ตามที่นำเสนอไปนั้น 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• เร่งแกะภาพวงจรปิดคดี"กำนันนก" หาหลักฐานเพิ่ม จ่อออกหมายจับอีก 5 ราย
• เปิดพฤติการณ์ 6 ตำรวจ เบ๊กำนันนก ใครบ้างยืนคุ้มกัน-พาหลบหนี
• เด้งฟ้าผ่า! ผู้การฯ นครปฐม-ผกก.สภ.เมืองฯ เซ่นปมคลิปร่วมงานเลี้ยง "กำนันนก" 

ล่าสุด ตลอดทั้งวัน ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดียิงสังหาร "สารวัตรแบงค์" หรือ  พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิตได้ทำการสอบปากคำ “พยานในที่เกิดเหตุ” อย่างต่อเนื่อง ทั้ง นายสายัณห์ เส็งคานนท์ เจ้าของโต๊ะจีน และยังมี นายอ๊อฟ (นามสมมติ) นักดนตรีภายในงานเลี้ยง , รวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัย และตำรวจ 2 นาย ที่ไม่ปรากฎรายชื่อก่อนหน้านี้ หลังพบว่า อยู่ในที่เกิดเหตุ และหนึ่งในนั้นคือ ตำรวจจาก สภ.นครชัยศรี ซึ่งมีผู้กำกับการ สภ.นครชัยศรี เป็นคนพามา
 

โดยความคืบหน้าทางคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยข้อมูลล่าสุด การสอบสวนเบื้องต้น ว่า ช่วง 1-2 เดือนก่อนเกิดเหตุ กำนันนก พยายามชักชวน "สารวัตรแบงค์" ไปงานเลี้ยงกินข้าว 4-5 ครั้ง แต่สารวัตรแบงค์ไม่ไป ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนเรื่องนี้ด้วย

ส่วนเบาะแสความเชื่อมโยง ทั้งเรื่องส่วยรถบรรทุกการฮั๊วะประมูล การเป็นเจ้าหนี้นอกระบบ ที่ได้รับเบาะแสมา ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวน

ขณะที่เรื่องการฟอกเงินและยาเสพติด อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินอยู่ หากพบไปเชื่อมโยงส่วนไหน ก็จะต้องไปพิสูจน์ต่อ ซึ่งวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีนี้ ที่ตำรวจภูธรภาค 7 ในช่วงเวลา 19.00 น.

 

โดยวันนี้ (11 ก.ย.) ผู้บังคับบัญชาของนายโบ๊ท ผู้คุมเรือนจำกลางราชบุรี ได้เดินทางเข้ามา ขอรายละเอียดเกี่ยวกับสำนวนคดี เพื่อรายงานต่อต้นสังกัด ซึ่งขณะนี้นายโบ๊ทถูกให้ออกจากราชการแล้ว เพราะเป็นลูกจ้าง ส่วนนายโบ๊ท ทำงานที่เรือนจำแห่งนี้มากว่า 1 ปี

ส่วนตัวไม่รู้ว่าจะโบ๊ท รู้จักกับกำนันนกหรือไม่ แต่ที่ทำงาน นายโบ๊ทเป็นคนน่ารัก เรียบร้อย ขยันทำงาน ซึ่งหลังเกิดเหตุนายโบ๊ทก็ยังมาทำงานตามปกติ ไม่ได้มีท่าทีผิดปกติหรือไม่มีสีหน้าเคร่งเครียด
 

หนึ่งในพยานวันเกิดเหตุคือ นายอ๊อฟ นักดนตรีภายในงานเลี้ยง เปิดเผย ขณะที่ตนรับจ้างเล่นดนตรี ที่บ้านของกำนันนก เสร็จ นายหน่อง ก็ได้นำเงินค่าจ้างมามอบให้กับตน และตอนนั้น เหตุการณ์ก็ปกติดีทุกอย่าง ทุกคนยังอยู่ในอารมณ์สนุกสนาน จึงไม่ได้เอะใจอะไรมากนัก หลังจากนั้นตนก็เดินไปไหว้ขอบคุณกำนันนก ที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ซึ่งตอนนั้น กำนันนก และ นายหน่อง ก็ไม่ได้มีท่าทีเมา

ก่อนที่ตนจะเดินหันหลังกลับมาเก็บของ เพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้าน ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จึงหันหน้ากลับมาดู และพบว่า บุคคลที่ยิงสารวัตรแบงค์นั้น คือ นายหน่อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้น ทุกคนอยู่ในอาการที่ตกใจ ตำรวจบางคนที่อยู่ในงาน ก็ช่วยกันพยุงตัวคนเจ็บ ไปที่โรงพยาบาลทันที 
 

สำหรับ กำนันนก และ นายหน่อง ท่าผา ตอนนั้น ตนสังเกตเห็นว่า หลังเกิดเหตุ มีกลุ่มชายประมาณ 5-6 คน ได้เข้าไปจับตัวนายหน่อง และบอกว่า “ให้ใจเย็น ๆ” พร้อมกับมีตำรวจ 2 คน ประคอง กำนันนก ไว้ ก่อนที่จะพาทั้งคู่ เดินเข้าไปยังภายในบ้าน

ตนก็ไม่สามารถตอบได้ว่า กลุ่มชายคนดังกล่าว เป็นตำรวจที่อยู่ในงานหรือไม่ และด้วยความตกใจ ตนจึงพยายามรีบเก็บของ และออกจากที่เกิดเหตุทันที จึงไม่ได้สังเกตว่า กำนันนก และ นายหน่อง ท่าผา ออกไปในช่วงเวลาใด สำหรับตำรวจรายอื่น ๆ นั้น ก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันออกไป จากจุดเกิดเหตุทันที และตนก็ไม่ได้สังเกตว่า ขบวนรถที่ออกกันไป ตอนไหนอย่างไร 
 

นายอ๊อฟ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเมื่อเหตุการณ์เริ่มสงบ ทางคนจัดโต๊ะจีน ได้มีการเริ่มเก็บข้าวของ รวมไปถึงโต๊ะที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งในระหว่างนั้น ก็มีชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่มั่นใจว่า เป็นตำรวจหรือไม่ ได้เข้ามาห้ามปราม ไม่ให้พนักงานเก็บโต๊ะจีนที่เกิดเหตุ 

ในส่วนประเด็นที่ว่า หลังเกิดเหตุ มีคนสั่งให้ล้างคราบเลือดหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่า ไม่มีใครสั่งให้ ล้างคราบเลือด มีเพียงคนงานในสำนักงานของ กำนันนก ที่มีการทำความสะอาดโต๊ะยาว ซึ่งไม่เกี่ยวกับโต๊ะที่เกิดเหตุ 

สำหรับ นายโบ๊ท นั้น ตนยอมรับว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนไม่เห็นนายโบ๊ท อยู่พื้นที่จุดเกิดเหตุแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านั้น นายโบ๊ท ได้อ้างกับตนว่า ขอตัวกลับบ้านก่อน แต่ตนก็ไม่ทราบ ได้กลับบ้านจริง ๆ หรือเป็นเพียงคำกล่าวอ้างเท่านั้น สำหรับ นายเก่ง นั้น ตนยืนยันว่า ไม่รู้จัก และไม่เคยพูดคุยกัน