svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตร.-อส.ร่วมถกคดี “อดีตผู้การชลบุรี” รีดไถ 140 ล้านบาท

คณะทำงานวัชรินทร์ รองอธิบดีอัยการฯ และ ทีมพนักงานสอบสวน ที่นำโดยพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ร่วมหารือคดีอดีตผู้การชลบุรี พร้อมพวกเรียกรับเงิน 140 ล้านบาทจากผู้ต้องหา ตรวจสำนวนความผิดมาตรา 157 จ่อพิจารณาต่อสำนวน พ.ร.บ.อุ้มหาย

1 กันยายน 2566 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด(อส.) นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักการสอบสวน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานตามคำสั่งอัยการสูงสุด (อสส.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) ชุดพนักงานสอบสวน พร้อมคณะทำงานร่วมประชุม ในคดีที่ นายธนินวัฒน์ อุดมเชาวเศรษฐ์ หรือ “เป้” กับพวกรวม 6 คน กล่าวหา พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประกากรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี(ผบก.ภ.จว.ชลบุรี) กับพวกรวม 10 คน ร่วมกันเรียกรับเงินจากผู้ต้องหา จำนวน 140 ล้านบาท 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบก.ศฝร.บช.น.) ในฐานะหัวหน้าชุดทำคดี ระบุว่า วันนี้เป็นการประชุมภาพรวมทั้งหมด จะเป็นการหารือข้อเท็จจริง พยาน หลักฐานในสำนวน ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่พนักงานอัยการจะต้องรู้สำนวนการสอบสวนทั้งหมด โดยขอให้พนักงานสอบสวนส่งให้คณะพนักงานอัยการตรวจสำนวนเพื่อกำกับดูเเลการสอบสวน พร้อมตั้งทีมงานคณะพนักงานอัยการพิจารณาสำนวนจากตำรวจ

ขณะนี้สำนวนจากคณะทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ดำเนินการสอบสวนมาเเล้ว 2 ส่วน คือ คดีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ เเละการเรียกรับเงิน ตามมาตรา 157 เเละ 149 ที่พนักงานสอบสวนได้นำส่งคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) เเละ ปปช.ส่งกลับมาให้ดำเนินการต่อ

ส่วนที่ 2 คือ คดีในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ใครจะต้องถูกเเจ้งข้อหาในความผิดนี้บ้าง ซึ่งพนักงานอัยการจะต้องพิจารณาภายหลังจากได้รับสำนวนการสอบสวนทั้งหมดของตำรวจมาก่อน

ตร.-อส.ร่วมถกคดี “อดีตผู้การชลบุรี” รีดไถ 140 ล้านบาท

ทั้งนี้ คดีที่ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมพวกถูกแจ้งความกล่าวโทษ ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ หรือยอมจะให้ตน หรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น และร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย