svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

อัยการสอบสวน ถกร่วม ตร. คดี “อดีตผู้การชลบุรี” รีดเงินแก๊งเว็บพนัน 140 ล.

เริ่มแล้ว! อัยการสอบสวน ถกร่วม ตร.ชุด “บิ๊กโจ๊ก” คดี “อดีตผู้การชลบุรี” อุ้มแก๊งเว็บพนันรีด 140 ล้าน พร้อมเรียกสำนวน ตร. มาตรวจ ก่อนกำหนดเเนวทางสอบสวนเพิ่มเติม นัดถกอีกครั้ง 1 ก.ย.นี้

30 สิงหาคม 2566 ความคืบหน้าคดี รีดทรัพย์เเก๊งเว็บพนัน 140 ล้านบาท จนมีวลีว่า “เป้รักผู้การเท่าไหร่ เป้เขียนมา" ที่ขณะนี้ศาลอาญา ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่ม 4 ราย มีทั้งคนมีสี เเละพลเรือน ซึ่งสามารถจับกุมได้เเล้ว 3 ราย มี 1 ราย ที่ยังจับไม่ได้ คือ นายเจ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

โดยคดีนี้ “อสส.” สั่งรับเป็นคดีตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ พร้อมส่งอัยการสอบสวนรับผิดชอบ และตั้ง นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ป็นหัวหน้าชุด พร้อมนัดหารือ “บิ๊กโจ๊ก” 29 ส.ค. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น 
อัยการสอบสวน ถกร่วม ตร. คดี “อดีตผู้การชลบุรี” รีดเงินแก๊งเว็บพนัน 140 ล.
 

ล่าสุด มีรายงานว่า วานนี้ (29 ส.ค.) นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบ หรือกำกับการสอบสวน ได้เรียกประชุมคดีร่วมกับพนักงานสอบสวนชุดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โดยมี นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวนในฐานะที่ปรึกษาเข้าร่วมประชุม 
นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ  

ในคดีที่ นายธนินวัฒน์ หรือ เป้ อุดมเชาวเศรษฐ์ กับพวกรวม 6 คน กล่าวหา พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประกากรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กับพวกรวม 10 คน ผู้ต้องหาในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต,

ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอม หรือยอมจะให้ตน หรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่า จะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น และร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย 
พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประกากรณ์ อดีต ผบก.ภ.จว.ชลบุรี
 

โดยการประชุมดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้เดินทางมา เนื่องจากติดภารกิจ มีทีมพนักงานสอบสวนร่วมกว่า 20 นายเข้าร่วมประชุม ในที่ประชุม ทางคณะพนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน ได้อธิบายอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย มาตรา 31 ของพนักงานอัยการ ที่อัยการสูงสุดตั้งเข้ามา

รวมถึงระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด ในการดำเนินการ เรื่องนี้  มีประเด็นสำคัญ ที่พนักงานอัยการ จะต้องรู้สำนวนการสอบสวนทั้งหมด โดยขอให้ทางพนักงานสอบสวน ชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งสำนวนการสอบสวน มาให้คณะพนักงานอัยการดู ให้ทำการตรวจสำนวน เพื่อกำกับดูเเลการสอบสวนได้ พร้อมตั้งทีมงาน คณะพนักงานอัยการพิจารณาสำนวน จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

ซึ่งขณะนี้สำนวนที่พนักงานสอบสวนชุด พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ได้ดำเนินการสอบสวนได้ดำเนินการ มาเเล้ว 2 ส่วนคือ คดีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ เเละการเรียกรับเงิน ตามมาตรา 157 เเละ 149 ที่พนักงานสอบสวนได้นำส่ง ป.ป.ช. เเละ ป.ป.ช. ส่งกลับมาให้ดำเนินการต่อ 

ส่วนที่ 2 คือตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ใครจะต้องถูกเเจ้งข้อหาในความผิดนี้บ้าง ซึ่งทางพนักงานอัยการ จะต้องพิจารณาภายหลังจากได้รับสำนวน การสอบสวนทั้งหมดของตำรวจมาก่อน ซึ่งทราบว่าทางตำรวจมีบัญชีพยานจำนวน 99 ปาก 
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.  

โดยคณะพนักงานอัยการ จะต้องใช้ระยะเวลาอ่านสำนวน ให้ละเอียดรอบคอบก่อน คาดว่า ภายในสัปดาห์ต่อไปภายหลังรับสำนวน ทางพนักงานอัยการจะวางเเนวทาง ในการสอบสวนเพิ่มเติมได้ ซึ่งหลังจากนี้ การสอบสวนเพิ่มเติม ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องรายงานมายังพนักงานอัยการที่ อสส. ตั้งขึ้นทั้งหมด และในวันที่ 1 ก.ย. นี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเดินทางมาประชุมร่วมกับ คณะพนักงานอัยการ ชุด นายวัชรินทร์ หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวนด้วยตนเอง