
6 กรกฎาคม 2566 พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 7/2566 ว่า วันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติ์ประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในที่ประชุม มีสาระสำคัญ 3 เรื่อง ดังนี้
1.การกำหนดสายงานตามกลุ่มสายงาน การกำหนดตำแหน่งข้าราชการตำรวจตามกลุ่มสายงาน และการกำหนดมาตรฐานกำหนดตำแหน่งตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 โดยจัดให้ข้าราชการตำรวจมีสายงาน 5 กลุ่ม คือ 1.สายงานบริหาร 2.สายงานอำนวยการ และสนับสนุน 3.สายงานสืบสวนสอบสวน 4.สายงานป้องกันปราบปราม 5.สายงานวิชาชีพเฉพาะ
ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องจัดสายงานของตำรวจจำนวนทั้งสิ้น 308,327 ตำแหน่ง ตามกลุ่มสายงาน โดยยึดหลักการในการจัดตำแหน่งเข้ากลุ่มสายงาน มีการทำมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง โดยให้ยึดหลักกฎหมาย ลักษณะงานที่รับผิดชอบ เส้นทางการเจริญเติบโต สัดส่วนของตำแหน่งในหน่วยงานเดียวกัน
กลุ่มงานสายงานวิชาชีพเฉพาะ ต้องเป็นงานที่จำเป็นต้องใช้ผู้ที่มีคุณวุฒิเฉพาะ ปรับจากมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง และสายงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้สามารถใช้ได้ทันในการแต่งตั้งวาระปี พ.ศ.2566 นี้
พล.ต.ท.อาชยน กล่าวต่อว่า 2.การกำหนดตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. (บริหารด้านการแพทย์) สืบเนื่องจากเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการแพทย์ และสาธารณสุขของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ งานนโยบายการส่งเสริมคุณภาพชีวิต และเสริมสร้างสุขภาวะของข้าราชการตำรวจ
ซึ่งปัจจุบันในเรื่องของข้าราชการตำรวจมีความเครียด เรื่องสุขภาพจิต และมีปัญหาสุขภาพจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้ผู้บังคับบัญชาที่สามารถสั่งการได้ในระดับ ตร. จึงมีความจำเป็นต้องมีการเปิดตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. ในสายบริหารด้านการแพทย์ ซึ่งที่ประชุมมีมติอนุมัติการกำหนดตำแหน่งตามที่เสนอ
โฆษกตร. กล่าวอีกว่า 3.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาร่างข้อกำหนด ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที ในการแต่งตั้งตามวาระ 2566 นี้ และเป็นการแต่งตั้งที่จะขออนุมัติใช้ร่างข้อกำหนด ก.ตร. นี้ โดยมีสาระสำคัญในเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้าย จะมีเรื่องของการร่างข้อกำหนดเรื่องของหลักเกณฑ์การจัดลำดับอาวุโสหลักการในการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งหลักการในการแต่งตั้งสับเปลี่ยนหมุนเวียนของข้าราชการตำรวจ
ซึ่งทั้งหมดนี้ทาง ผบ.ตร. ให้มีการประเมินในเรื่องของการกำหนดตำแหน่งตามสายงานต่างๆ ว่าจะมีปัญหาหรือมีข้อขัดข้อง เพื่อมาพิจารณา และเข้าที่ประชุมอีกครั้งในเรื่องของการประเมินการกำหนดตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งข้อกำหนดที่จะใช้ในการแต่งตั้งในครั้งนี้ จะเป็นข้อกำหนดที่อ้างอิงหลักเกณฑ์ในเรื่องของกฎ ก.ตร. เดิมบางส่วนที่ไม่ขัดแย้งกับ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2565 ประกอบหลักการเพิ่มเติมตามเจตนารมย์ของ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่
พล.ต.ท.อาชยน กล่าวด้วยว่า ในส่วนสาระสำคัญเรื่องข้อกำหนดในกรณีที่มีข้าราชการตำรวจตั้งแต่ระดับ รองผู้บังคับการ ลงมาที่ได้รับการแต่งตั้ง ทั้งกรณีสับเปลี่ยนหมุนเวียน และเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น โดยที่ได้รับการแต่งตั้งออกไปนอกหน่วยโดยไม่สมัครใจ ก่อนข้อกำหนด ก.ตร. ฉบับนี้ใช้บังคับ
หากประสงค์ขอรับการแต่งตั้งกลับต้นสังกัด หรือสังกัดเดิม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ให้ยื่นคำร้องต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านสำนักงานกำลังพล และจะมีคณะทำงานที่ รอง ผบ.ตร.ในสายบริหารเป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อพิจารณาคำร้องเสนอต่อผบ.ตร. ภายใต้หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่สามารถสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้ โดยไม่กระทบกับสถานภาพกำลังพลของหน่วย เพื่อที่จะให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งดำเนินการตามกฏหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป