"ชูวิทย์" ลั่นเป็นศัตรูยันตาย โพสต์ขยี้ปมสัมพันธ์ "ทนายตั้ม" กับ "บิ๊ก จ."

24 เมษายน 2566 กลับมาเป็นประเด็นร้อนแรง ให้คนไทยปูเสื่อตามต่อกันอีกครั้ง สำหรับศึกระหว่าง "จอมแฉ" นายชูวิทย์ อดีตนักการเมือง กับ "ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด" ที่ก่อนหน้าต่างฝ่ายต่างออกมาแลกหมัด แฉฝั่งตรงข้ามกันคนละดอก 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• ลูกชายชูวิทย์ สวนกลับทนายตั้ม ไม่ใช่ทหารวีไอพี ช่วยแหกตาดู จะได้ฉลาด
• บิ๊กโจ๊กชี้สายสัมพันธ์ษิทรา เบี้ยบังเกิด "แค่ทนาย ท่านหนึ่ง"
• สั่งสอบข้อเท็จจริง! ภาพ ตร.ท่องเที่ยว ถือกระเป๋าให้ทนายตั้ม

แต่สิ่งที่ทำให้ศึกระหว่าง "ชูวิทย์" กับ "ทนายตั้ม" กลับร้อนแรง และลุกลามจากแค่ "วิวาทะ" กลายเป็นอาการก้นร้อน ของผู้ที่ถูกพาดพิง คือการที่ "ชูวิทย์" ได้โพสต์คลิปภาพในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่มีตำรวจท่องเที่ยว คอยอำนวยความสะดวก ถือกระเป๋าให้ "ทนายตั้ม" และหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เพราะมีความสนิทกับ "บิ๊ก จ." จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์อย่างหนัก 

 

ล่าสุด นายชูวิทย์ ยังขยี้ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่าง "ทนายตั้ม" กับ "บิ๊ก จ." ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โดยระบุว่า 

สนิทกันแค่ไหน? 
.
ผมเป็นนักเลงโบราณ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก คุกตะรางหลายรอบ 
.
เมื่อตกอับก็ไม่เคยไปขอความช่วยเหลือใคร 
.
ยอมกลืนเลือดรอวันกลับมาใหม่ ถือสุภาษิต “วันพระไม่ได้มีหนเดียว” 
.
ตอนมีอำนาจวาสนา คนเข้าหาเต็มบ้าน ตอนตกอับ แม้แต่หมายังเมิน 
.
รู้จัก “บิ๊กโจ๊ก” ครั้งแรก ยศพันตำรวจเอก เป็นผู้กำกับหาดใหญ่ เมื่อปี 2555 
.
ขณะที่ผมเป็นรองประธานกรรมาธิการตำรวจ ไปตรวจบ่อนการพนันที่หาดใหญ่ 
.
ต่อมาโจ๊กเติบโตอย่างรวดเร็วจนเป็น “พลตำรวจเอก“ ในระยะเวลาแค่ 7 - 8 ปี 
.
แม้จะถูกเด้งไปประจำสำนักนายกฯ ตกอับอยู่แค่ปีสองปี แต่ก็ยังกลับมาผงาดได้ถึงทุกวันนี้ 
.
เชื่อว่าตอนตกอับก็เหมือนผม ไม่มีใครให้เข้าบ้าน ห่างๆ ไว้ดีกว่า 
.
แต่ผมเปิดบ้านให้มาพบ เปิดใจคุยกัน 
.
เมื่อกลับมาเป็นใหญ่เป็นโต ผมไม่เคยขออะไร ไม่เคยกินข้าวสนิทสนม เพราะคนอย่างผมเจียมตัว รู้จักรักษาระยะห่าง 

แต่ “ทนายตั้ม” เด็กเพิ่งเกิด 
.
จะรักชอบพอกัน เพราะไหว้วานให้เป็นทนายไล่ฟันใครต่อใคร จะไปห้ามกันได้อย่างไร ไม่ใช่เรื่องผม
.
แต่ถ้าอยากเปิดศึกกับผม ก็ห้ามไม่ได้เหมือนกัน 
.
โจ๊กบอกว่า “สนิทด้วยกันทั้งคู่” คงจะผิด 
.
เพราะผมไม่เคยขอให้ตำรวจไปเข็นกระเป๋า ไม่เคยขอคดี ไม่เคยขอเคลียร์
.
ยอมรับชะตากรรมจากสิ่งที่ตัวเองทำเสมอ 
.
ทนายตั้มอาศัยความใกล้ชิดนับถือ “บิ๊กโจ๊ก” เป็นพี่ชาย ซื้อเสื้อแพงแบรนด์เนมให้ใส่ เอาใจกันดี 
.
แล้วหากถึงเวลาทนายตั้มจะขออะไรตอบแทน จะไปปฏิเสธยังไง?
.
ตามสไตล์ไทยๆ คงไม่พ้นเรื่องคอนเน็คชั่น
.
คนหนึ่งเป็น “นายตำรวจใหญ่” อีกคนเป็น “ทนายหิวแสง”
.
ใครเป็นเครื่องมือใคร สังคมเดาเอาเองได้ ผมไม่ต้องบรรยาย 
.
พรุ่งนี้จะไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นร้องให้ตรวจสอบว่า ตำรวจที่เข็นกระเป๋าในคลิปที่สนามบิน ได้เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่หรือไม่? 
.
ใครสั่งให้ไปอำนวยความสะดวก?
.
หรือปกติทำให้หมด ทั้งคนแก่ คนพิการ คนท้อง
.
ตรวจสอบไม่ยาก เพราะกล้องวงจรปิดในสนามบินก็มี 
.
ส่วนขาเข้า ได้จ่ายภาษีค่านาฬิกาหรูหรือเปล่า? ซื้อที่ไหน?
.
กระเป๋าใบละหลายแสนที่เมียอวด ได้เสียภาษีหรือเปล่า? 
.
เมื่อเป็นศัตรูกันแล้ว ก็เป็นกันยันวันตาย


หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ได้มีชาวเน็ตและแฟนคลับ ของนายชูวิทย์จำนวนมาก เข้ามากดถูกใจและแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือด โดย นายชูวิทย์ ยังแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมระบุว่า 

ข้อมูลจาก ออยศรีและผองเผือก อยู่ในมือผมเยอะครับ
และเรื่องจัดซื้อเครื่องอะไรที่เรียกยากๆ ที่ใช้ในสนามบินก็มี รอวันเปิดต่อ


และยังมีการเพิ่มเติมอีกว่า

สนิทถึงขนาดขี่ช้างด้วยกัน
อย่างนี้มากเกินกว่า “สนิท”
เรียกว่าทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน