
6 เมษายน 2566 ที่ สำนักงาน ป.ป.ช. วานที่ผ่านมา (5 เม.ย.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายกฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กับพวก รวม 33 ราย กรณีทุจริตในการขายที่ดินของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) บริเวณโครงการเคหะชุมชน และบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า) เอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มนายทุน ทำให้การเคหะแห่งชาติ ได้รับความเสียหาย
โดยข้อเท็จจริง จากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 57 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำหน้าที่เป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและมีมติเห็นชอบหลักการ กรอบแผนการลงทุน และอนุมัติโครงการพัฒนา ที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ปี 2557 ซึ่งมี โครงการเคหะชุมชน และบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า) มีแผนที่จะก่อสร้างอาคารพาณิชย์ จำนวน 269 หน่วยในพื้นที่กว่า 35 ไร่รวมอยู่ด้วย
“
ต่อมา มีนายประเสริฐ บินอานัด กับพวกรวม 8 ราย (เจ้าของที่ดิน ที่มีพื้นติดกับที่ดิน ของการเคหะแห่งชาติ) ได้ร่วมมือกับ นายเจริญพนิช จันทภิรมย์รักษ์ นายหน้าค้าที่ดิน กับพวกรวม 3 ราย โดยมอบอำนาจลอย ระบุว่า ผู้มอบอำนาจ ได้มอบอำนาจให้นายหน้า เป็นผู้ดำเนินการยื่นเสนอขอซื้อที่ดิน ในโครงการที่ ครม. ได้อนุมัติแล้วจำนวนเนื้อที่ 260 ตารางวา ความกว้าง 22 เมตร ความยาว 47 เมตร
ทั้งที่ นายประเสริฐ บินอานัด กับพวกรวม 8 ราย ไม่มีความประสงค์ ที่จะซื้อที่ดินในโครงการดังกล่าวตั้งแต่แรก เนื่องจากสามารถเข้าออกที่ดิน ผ่านทางเดินริมคลองได้อยู่แล้ว และไม่มีเงินเพียงพอที่ซื้อได้ แต่เป็นความประสงค์ของ นายเจริญพนิช จันทภิรมย์รักษ์ นายหน้าค้าที่ดิน กับพวกรวม 3 ราย ที่ต้องการซื้อที่ดินดังกล่าว ไว้ใช้เป็นทางเข้าออกของโครงการหมู่บ้านจัดสรร ที่ฝ่ายนายหน้าได้รวบรวมที่ดินแปลงใหญ่ จำนวนกว่า 170 ไร่ ไว้ก่อนแล้ว
เมื่อการเคหะแห่งชาติ ได้รับคำเสนอซื้อแล้ว ได้มีการเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ พิจารณาการปรับปรุงโครงการด้านกายภาพ (คณะหนึ่ง) ซึ่งมี นายชวนินทร์ พรหมรัตนพงษ์ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เป็นประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาการเสนอซื้อที่ดินของนายหน้าดังกล่าว
และมีมติขายที่ดินระบุให้สิทธิโดยตรง เนื่องจากเป็นที่ดินตาบอดไม่มี ทางเข้า - ออกสู่ทางสาธารณะ ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าว พิจารณาโดยไม่ได้มีการตรวจสอบคำเสนอซื้อ ทั้งที่ในคำเสนอซื้อ สามารถพบข้อพิรุธ ที่ควรต้องตรวจสอบ เช่น ระบุความประสงค์ว่า ต้องการที่ดินเพื่อทำหมู่บ้านจัดสรรบ้านเดี่ยว 2 ชั้นจำนวน 145 หน่วย , สำเนาโฉนดที่อ้างว่าเป็นที่ดินตาบอด ไม่มีหน้าสารบัญเพื่อใช้ยืนยันตัวตนผู้มอบอำนาจได้ เป็นต้น
นายนิวัติไชย กล่าวว่า จากนั้นนางสาวบังอร ทองส่งโสม กับพวกรวม 5 คน เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารทรัพย์สินและอาคารเช่า ที่มีหน้าที่ตรวจสอบคำเสนอซื้อ แต่ละเว้นไม่ดำเนินการการตรวจสอบ ทำให้ไม่ทราบถึงพฤติการณ์การขอซื้อที่ดิน ของนายหน้าเพื่อนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ และได้เสนอเรื่องให้ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ พิจารณาอนุมัติขายที่ดินดังกล่าว
ซึ่ง นายกฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ได้มีคำสั่งอนุมัติ โดยไม่ได้มีการตรวจสอบ ทั้งที่รู้อยู่ว่าที่ดินดังกล่าว เป็นที่ดินที่ ครม. อนุมัติให้จัดทำ โครงการพาร์ควิลล์ ร่มเกล้า แล้ว และการอนุมัติขายที่ดิน ของผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ยังเป็นการหลีกเลี่ยงการขายยื่นซองเสนอซื้อ หรือการประกวดราคา ตาม ระเบียบการเคหะแห่งชาติว่าด้วยการขายที่ดิน พ.ศ. 2548 ข้อ 7
โดยภายหลังจากที่ นายกฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ อนุมัติขายที่ดิน นายเจริญพนิช จันทภิรมย์รักษ์ กับพวกรวม 3 ราย ได้ไปทำความตกลงกับ นายนันทวัฒน์ พิพัฒวงศ์เกษม กรรมการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ว่า บริษัทจะรับผิดชอบเงิน ที่ต้องชำระค่าที่ดินจำนวนกว่า 28 ล้านบาท โดยการสั่งจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ จ่ายโดยตรงให้กับการเคหะแห่งชาติ ฉบับแรกจำนวน 5.8 ล้านบาท และฉบับที่ 2 กว่า 23 ล้านบาท
จากนั้นในวันที่ 5 พ.ย. 58 การเคหะแห่งชาติ ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 48160 ให้กับนายประเสริฐ บินอานัด กับพวกรวม 8 ราย โดยมีนายหน้าทำการแทน ทั้งในฐานะผู้รับมอบอำนาจ ของผู้ซื้อและผู้ขาย ให้กับ บริษัท แอตแลนติก เรียลเอสเตท จำกัด (บริษัทในเครือบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)) จากนั้น บริษัท แอตแลนติก เรียลเอสเตท จำกัด ได้มอบแคชเชียร์เช็คให้กับการเคหะแห่งชาติจนครบถ้วน
นายนิวัติไชย กล่าวว่า การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการตรวจสอบคำเสนอซื้อดังกล่าว จึงเป็นการร่วมกันทุจริต หลีกเลี่ยงการขายที่ดินตาม ระเบียบการเคหะแห่งชาติว่าด้วยการขายที่ดิน พ.ศ. 2548 จากวิธียื่นซองเสนอราคาเป็นวิธีให้สิทธิโดยตรง ฝ่าฝืนมติ คสช. และไม่ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายหน้า ชาวบ้านผู้ขอซื้อ และกลุ่ม บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดินตามที่วางแผนไว้ เพื่อจัดทำเป็นถนนเข้า - ออกสู่โครงการหมู่บ้านจัดสรร
ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
การกระทำของ นายกฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ของการเคหะแห่งชาติ รวม 7 ราย มีมูลความผิดทางอาญา ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 ,พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172)
และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามข้อบังคับการเคหะ ฉบับที่ 66 ว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การตัด หรือลดขั้นเงินเดือน การออกจากตำแหน่ง วินัย การลงโทษ และการอุทธรณ์การลงโทษ ของพนักงาน ข้อ 38
สำหรับ นายสมคิด จารุมาศมงคล , นายมานิตย์ ตันติเสรี , นางสาวกัลยา พึ่งคง และนายสมบูรณ์ พรหมหาราช ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมในการประชุม คณะกรรมการพิจารณาการปรับปรุงโครงการด้านกายภาพ (คณะหนึ่ง) ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายแทนกรรมการฯ นั้น ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลดี หรือความก้าวหน้าแก่การเคหะแห่งชาติ ด้วยความเอาใจใส่ระมัดระวัง และรักษาผลประโยชน์ของการเคหะแห่งชาติ ตามข้อบังคับการเคหะแห่งชาติ ฉบับที่ 66 ว่าด้วยการบรรจุการแต่งตั้ง ข้อ 28
การกระทำของนายวิญญา สิงห์อินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานสินทรัพย์, นางสาวบังอร ทองส่งโสม นายนันทพล ทองพ่วง นางกิตติมา รุ่งกระจ่าง และนายสุภัคร ลดาวัลย์ ณ อยุธยา เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารงานสินทรัพย์ และอาคารเช่า มีมูลความผิดทางอาญา ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 , พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ,พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2561 มาตรา 172)
และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามข้อบังคับการเคหะ ฉบับที่ 66 ว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การตัดหรือลดขั้นเงินเดือน การออกจากตำแหน่ง วินัย การลงโทษ และการอุทธรณ์ การลงโทษของพนักงาน ข้อ 38
ขณะที่ในส่วนของเอกชน การกระทำของ นายเจริญพนิช จันทภิรมย์รักษ์ , นายภิรมย์ แฟงทอง และนายจุลศักดิ์ มาตรไตร , นายประเสริฐ บินอานัด , นายวุฒิชัย บินอานัด , นางอรดา มารีย๊ะ , นายสุชาติ บินอานัด , นางดวงใจ ฤทธิเดช , นายธีรศักดิ์ ทับอุไร , นายนันทวัฒน์ พิพัฒวงศ์เกษม , นายอดิศร ธนนันท์นราพูล , นายวิศิษฐ์ ตันติชัยปกรณ์ , นายธีระ เบญจศิลารักษ์ , นายอนันต์ อัศวโภคิน , บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอตแลนติกเรียลเอสเตท จำกัด
มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงานในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 , พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 , พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
โดยให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาล ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับผู้กระทำความผิด และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 และให้แจ้งผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้ง หรือถอดถอน ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ด้วย