
13 มีนาคม 2566 ภายหลังเกิดเหตุ นายชัยวัฒน์ ประเมินชัย อายุ 52 ปี ใช้ปืน .38 ยิง นายจิรเมธ ประเมินชัย อายุ 25 ปี ลูกชายคนโตเสียชีวิต และยิง น.ส.จิรนันท์ ประเมินชัย อายุ 22 ปี ลูกสาวคนเจ็บบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่จะใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวตายคาร้านขายข้าวสาร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กนายชัยวัฒน์ ผู้ก่อเหตุ พบว่ามีการโพสต์ภาพ ตรวจสอบพบเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ ส่วนใหญ่เป็นภาพครอบครัว และภรรยา กว่า 80 รูป พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “ จะจดจำไว้ตลอดกาล ว่าเคยมีเธออยู่ข้างๆ” พร้อมอีโมจิ ร้องไห้ 3 อันและก่อนเกิดเหตุ เพียง 1 วัน มีการโพสต์ข้อความว่า “ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่มั้ย”
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการโพสต์ภาพจดหมาย ที่เขียนด้วยลายมือว่า “ ถึงทุกๆคน ทุกๆหน่วยงาน ว่า ผมขอมอบอำนาจแบบไม่ติดสแตมป์ ผมมีสติดี หากร่างของข้าพเจ้าได้รับความเสียหายเกิน 60% ข้าพเจ้ายินดีขอมอบร่างกายทุกส่วน มอบหรือบริจาคให้องค์กร หรือหน่วยงานใดก็ตามที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ข้าพเจ้าขออุทิศร่างกายนี้ เพื่อสังคมต่อไป ด้วยความเคารพ ก่อนลงนามและชื่อท้ายจดหมาย”
ขณะที่ นายปีป ชู อ่อง อายุ 27 ปี ลูกจ้างชาวเมียนภายในร้านที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุ มีลูกชาย ลูกสาว และพ่ออยู่ในร้านก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงทะเลาะกัน แต่ตนฟังไม่รู้เรื่องว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร ระหว่างนั้นตนกำลังยืนตักข้าวสารอยู่บริเวณหน้าร้าน จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น “ปัง ปัง ปัง” จึงรีบวิ่งหนีออกจากร้าน โดยตนเพิ่งจะเข้ามาทำงานที่ร้านนี้ ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกันภายในครอบครัว
ด้านนายไพโรจน์ มะลิวัลย์ อายุ 64 ปี พ่อค้าขายข้าวมันไก่ อยู่ใกล้เคียงร้านที่เกิดเหตุ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด แต่ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทกัน ตอนเสียงปืนดังประมาณนัดที่ 3 ได้ยินเสียงลูกสาวร้องว่า “โอ้ย” ก่อนจะได้ยินเสียงดังอีก 2 นัดตามมา สำหรับครอบครัวนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นทะเลาะกัน สามีผู้ก่อเหตุขายข้าวสารอยู่ภายในตลาด ส่วนภรรยาและลูกจะขายอยู่ที่ร้านเกิดเหตุ
ขณะที่เพื่อนของลูกชายที่เสียชีวิต ระบุว่า ที่ผ่านมาเพื่อนลูกชายที่เสียชีวิต ระบุว่า เพื่อนมักมาเล่าให้ฟังว่า พ่อมักจะมีปัญหากับที่บ้าน แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่าเรื่องอะไร เมื่อทราบข่าวว่าเพื่อนถูกพ่อยิงจึงรีบมาที่เกิดเหตุ
นอกจากนี้ ตำรวจได้ทำการเก็บกล้องวงจรปิดจำนวน 3 ตัวจากทั้งหมด 4 ตัวที่อยู่ในร้านไปตรวจสอบ ซึ่งเบื้องต้นพบว่าภาพวงจรปิดจากร้านข้างๆที่เกิดเหตุ จะปรากฎเห็นว่า หลังเกิดเหตุ มีคนงานภายในร้านและชาวบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียง ต่างวิ่งหนีกันคนละทิศคนละทาง