"โรม"ขยี้ต่อจ่อแฉ บิ๊กตำรวจ แทรกแซงคดี "ทุนมินลัต" ปล่อย "ส.ว.ทรงเอ" ลอยนวล 

12 มีนาคม 2566 จากประเด็นร้อน “ถอนหมายจับ” สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งถูกกล่าวหาเชื่อมโยงกับ นาย “ทุนมินหลัต” นักธุรกิจชื่อดังของเมียนมา ที่ถูกจับกุมฐานเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดและค้าอาวุธสงคราม ซึ่ง นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นำไปอภิปรายในสภาฯ ช่วงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. กับ คณะกรรมการตุลาการ หรือ ก.ต.ไต่สวนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

เรื่องนี้ยังไม่จบง่าย และกลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมา เมื่อมีเอกสารที่ถูกระบุว่า เป็นเอกสารชี้แจงของอดีตสารวัตรสืบสวนคดีนี้ ส่งถึงคณะกรรมการคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เพื่อชี้แจงเหตุการณ์ถอนหมายจับสมาชิกวุฒิสภาที่ถูกกล่าวหาและดำเนินคดี

อดีตนายตำรวจชุดสืบสวน ที่ทำเอกสารชี้แจงฉบับนี้ขึ้นมา คือ "พ.ต.ท. มานะ วงศ์พิวัฒน์" สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลพญาไท อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ชุดทำคดีนายทุน มินหลัต และเสนอขออนุมัติหมายจับสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง ก็ถูกย้ายออกนอกหน่วย

"พ.ต.ท.มานะ"  เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ได้รับโทรศัพท์จากคณะกรรมการตุลาการ หรือ ก.ต. ให้ชี้แจงการสืบสวนดำเนินคดีกับสมาชิกวุฒิสภาท่านนี้ จึงมีการทำเอกสารชี้แจง ลงวันที่ 5 มีนาคม 2566 โดยเอกสารฉบับนี้มีความยาว 7 หน้า ไม่ได้มีลักษณะเป็นเอกสารราชการ ไม่มีตราครุฑหรือตราของหน่วยบนหัวหนังสือ จึงมีลักษณะเป็นเหมือนจดหมายมากกว่า

โดยในเนื้อหาได้อธิบายรายละเอียดของการออกหมายจับสมาชิกวุฒิสภาว่า เป็นการดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 โดยได้ไปยื่นคำร้องต่อศาล ขออนุมัติออกหมายจับ โดยระบุตำแหน่งชัดเจนว่า เป็นสมาชิกวุฒิสภา ในฐานความผิดผิดร้ายแรง คดียาเสพติดและฟอกเงิน พร้อมยื่นคำร้องขอหมายค้นในวันที่ 4 ตุลาคม 2565 เวลา 6 โมงเช้า เพื่อเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาด้วย ต่อมาเวลา 11.00 น. ผู้พิพากษาเวร ได้เรียกไต่สวน และได้รับการอนุมัติหมายจับในวันเดียวกัน

กล่าวหา “บิ๊กศาล” ตำหนิแรง - สั่งถอนหมายจับ

แต่ในช่วงบ่ายปรากฏว่า มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในศาล ได้ติดต่อมา และเรียกกลับไปที่ศาลอีกรอบ เมื่อไปถึงก็ถูกตำหนิว่า การออกหมายจับบุคคลสำคัญ และอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี แม้จะเป็นความผิดที่มีโทษสูงเกิน 3 ปี ก็ออกหมายจับไม่ได้

จากนั้นมีการเรียกผู้พิพากษาเวร เข้าไปสอบถาม และหารือกันเป็นการภายใน ก่อนจะแจ้งให้ทางตำรวจถอนหมายจับ และเปลี่ยนเป็นหมายเรียกแทน แม้ฝ่ายตำรวจจะพยายามทักท้วงแล้วก็ตาม

นอกจากนี้ภายในเอกสารชี้แจง ระบุด้วยว่า หลังจากวันนั้น ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษสมาชิกวุฒิสภา ในคดีความผิดยาเสพติดและฟอกเงิน กับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีการเรียกสมาชิกวุฒิสภารายนี้ไปรับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจากกรณีดังกล่าว

"เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.มานะ และผู้บังคับบัญชา ที่เกี่ยวข้องกับคดีของสมาชิกวุฒิสภา ถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่น นอกกองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลทั้งหมด"

     โฆษก ตร.แจง ไม่มีประวิงคดี “ทุนมินลัต”

ทั้งนี้เอกสารดังกล่าว ถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็วในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาชี้แจง โดยสรุปเป็นประเด็นๆ ดังนี้

1.ผบ.ตร.ได้รับทราบข้อมูลแล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำสำนวนคดี ความล่าช้า ความบกพร่อง ว่ามีหรือไม่ อย่างไร หากพบความบกพร่อง ให้ดำเนินการตามหน้าที่อย่างเด็ดขาด ทั้งอาญา วินัย และปกครอง

2.ผบ.ตร.สั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เอกสารที่หลุดอกมาเป็นเอกสารจริงหรือไม่ และข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่กล่าวอ้างในเอกสารหรือไม่ เนื่องจากเนื้อหาที่กล่าวอ้าง เป็นการเปิดเผยขั้นตอนกระบวนการสืบสวนสอบสวนคดีที่ยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น

3.การดำเนินคดีกับเครือข่าย “นายทุนมินลัต” ที่มีการเข้าร้องทุกข์กับกองบังคับการ 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ บก.ปส.3 บช.ปส. นั้น พนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เห็นว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงได้เสนออัยการสูงสุดรับผิดชอบคดี และอัยการสูงสุดมอบหมายให้ผู้บังคับการ ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนร่วมกับอัยการ

วานนี้(11 มี.ค.) ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ผู้การ ปส.3 รายงานความคืบหน้าในทางคดี ในส่วนที่ไม่เสียหายต่อรูปคดีเป็นระยะ เพื่อไม่ให้สังคมคลางแคลงใจ ในความโปร่งใสของการทำงาน ยืนยันว่าไม่มีการประวิงเวลา

4.การย้ายสารวัตรมานะ เป็นการพิจารณาตามปกติ ตำแหน่งใหม่ก็ไม่ได้เป็นการลดชั้น (เป็นสารวัตรสืบสวน สน.พญาไท)

โฆษกศาลแจงตรวจสอบปมร้อนก่อน ส.ส.ยื่นเรื่อง

ขณะที่นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวเรี่องเดียวกันว่า ได้เห็นหนังสือที่ส่งต่อในสื่อโซเชียลฯแล้ว เข้าใจว่าน่าจะมีการรายงานให้ ก.ต.ทราบแล้ว แต่ยังไม่มีมติอะไรออกมา

ส่วนที่มีการพาดพิงถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในศาลอาญา เกี่ยวข้องกับการถอนหมายจับนั้น โฆษกศาลยุติธรรม บอกว่า ท่านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ได้มีการรายงานข้อเท็จจริงบ้างแล้ว และมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล จะยื่นหนังสือให้ ก.ต.ตรวจสอบ แต่ยังไม่ทราบมติของ ก.ต.

ทั้งนี้นายรังสิมันต์ โรม เปิดเผย เนชั่นทีวี 22 ว่า วันพรุ่งนี้(13 มี.ค.) น.เตรียมเปิดแถลงข่าว ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เวลาบ่ายโมง 13.00 เปิดตัวย่อ "บิ๊กตำรวจ" ผู้อยู่เบื้องหลังการแทรกแซงคดี"ทุนมินลัต" ปล่อย "ส.ว.ทรงเอ" ลอยนวล 

เนื่องจากเหตุการทั้งหมดเป็นขบวนการที่ให้ความช่วยเหลือ กลุ่มบุคคลที่ต้องคดี ซึ่งน่าแปลกใจ ว่าจนถึงขณะนี้ บช.ปส. ไม่รู้ถึงความคืบหน้าอะไรเลย 

"เมื่อเดือน ก.ย.65 อัยการสูงสุด เห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุด จึงมอบหมายทางบช.ปส.ให้ดำเนินการ ต่อมาเดือนต.ค. มีการออกหมายจับและถอนหมายจับ แต่ก็ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรจากบช.ปส.เลย ดังนั้นการแถลงวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) ก็ต้องการข้อเท็จจริงจาก บช.ปส.ด้วย"