รวบ“หวาน”สาวนักโกงตัวแม่ สร้างเฟซบุ๊กหลอกโอนเงิน โกงเหยื่อสูญเงิน 2 ล้าน

3 มีนาคม 2566 ตำรวจไล่จับผู้ต้องหาสร้างเฟซบุ๊กหลอกโอนเงิน รายล่าสุด ตำรวจสืบสวนนครบาล เข้าจับกุมนางสาว นภาพร หรือ หวาน อายุ 25 ปี ที่บริเวณข้างร้านสะดวกซื้อ ถนนประชาพัฒนา แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก

ดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”

การจับกุมครั้งนี้หลังจากที่ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายซึ่งเคยถูกคนร้ายชื่อ “นภาพร” ก่อเหตุโดยสร้างเฟซบุ๊กชื่อบัญชีต่างๆ หลอกให้โอนเงินค่าสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ จนผู้เสียหายทนไม่ไหวถึงขั้นรวมตัวกันกว่า 600 คน ตั้งกลุ่มเฟซบุ๊ก ชื่อ “ จับคนโกง นภาพร-แสงจันทร์-ปนัดา-ปภัสสร-สุขใจ - napaporn sangjan” เพื่อร่วมกันแชร์ประสบการณ์ แนะวิธีการเก็บข้อมูลพยานหลักฐาน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเมื่อถูกก่อเหตุ ตลอดจนหาวิธีการช่องทาง เพื่อประสานตำรวจในการล่าตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
 

ผู้เสียหายรวมกลุ่มประสานให้ตำรวจชุดลาดตระเวนออนไลน์ จากกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เร่งติดตามตัว พบก่อเหตุต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558 จนล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 มีนาคม ่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวได้

จากการสอบสวนผู้ต้องหา รับสารภาพว่า เรียนจบชั้น ป.6 เมื่อช่วงประมาณปี 2558 ขณะนั้นอายุ 18 ปี ยึดอาชีพขายเสื้อผ้าผู้หญิงออนไลน์ และรับเป็นตัวแทนนายหน้าโพสต์ขายเครื่องสำอางค์ ครีมบำรุงผิวทางออนไลน์ด้วย โดยได้เปอร์เซ็นต์ตามยอดที่ขายได้แต่รายได้ไม่พอค่าใช้จ่ายส่วนตัว จึงเอาประสบการณ์ขายของออนไลน์มาหลอกผู้เสียหาย 

"คิดเองว่าถ้าโกงเงินผู้เสียหายในยอดเงินไม่เกิน 2,000 บาท น่าจะไม่ค่อยมีผู้เสียหายติดตามดำเนินคดี จึงสร้างบัญชีเฟซบุ๊กจำนวนมากขึ้นมา"

สำหรับ เฟซบุ๊กที่สร้างขึ้นเพื่อหลอกโอนเงิน มีชื่อบัญชี อาทิ “ปนัดา สุขใจ” “ปภัสสร สุขใจ” และ“napaporn sangjan” เพื่อเข้าไปโพสต์หลอกขายของในกลุ่มเฟซบุ๊กต่างๆ กว่า 600 กลุ่ม โดยเฉลี่ยมีผู้เสียหายหลงเชื่อเดือนละประมาณ 20 ราย มีรายได้รายละ 500-1,500 บาท โดยทำมาตั้งแต่ปี 2558 เสียหายกว่า 2 ล้านบาท โดยเงินที่ได้นำไปใช้จ่ายในครอบครัว
 

ด้าน พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิต อย่าหลงเชื่อกลโกง อย่าเห็นแต่สินค้าที่มีราคาที่ถูกกว่าราคามาตรฐานในท้องตลาด เนื่องจากมิจฉาชีพมักใช้ความโลภ เห็นแก่ผลกำไร ราคาถูกมาเป็นจุดล่อใจให้ประชาชนหลงกล

หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ เสนอขาย หรือชักชวนลงทุนในด้านต่างๆ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที