svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ขบวนการเขย่าคดี"ตู้ห่าว" ระวังเตะหมูเข้าปากใคร?

06 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ปม "ทุนจีนสีเทา" ยังคงร้อนแรงข้ามปี โดยเฉพาะการทำคดี "ตู้ห่าว" ที่ "ชูวิทย์" ออกมาแฉแบบรายวัน การทำงานของตำรวจและอัยการถูกจับจ้องว่า สุดท้ายแล้วเมื่อสำนวนคดีถึงมืออัยการ คดีจะลงเอยอย่างไร หรือจะเป็นการเตะหมูเข้าปากใคร ?

ท่ามกลางกระแสที่มีบางฝ่ายพยายามดิสเครดิตกระบวนการสอบสวน"คดีตู้ห่าว" ถึงขั้นให้เปลี่ยนตัว ผบช.น. “บิ๊กจ้าว” พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ทั้งให้พ้นหน้าที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี"ทุนจีนสีเทา"นี้ และให้พ้นจากเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไปเลยนั้น 

ปรากฏว่าวันนี้ การแถลงความคืบหน้าคดีของคณะทำงานฝ่ายอัยการที่ทำงานร่วมกับตำรวจอย่างใกล้ชิด กลับแสดงความมั่นใจในพยานหลักฐาน และยืนยันเอาผิดผู้ต้องหาได้แน่ 

จนถึงขณะนี้ ตำรวจและอัยการร่วมกันขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดี รวมทั้งหมด 3 ล็อต จาก 10 คน 15 คน และล่าสุด 12 คน มีผู้ต้องหาถูกจับกุมได้ประมาณครึ่งหนึ่ง 

ไทม์ไลน์ของคดี"ทุนจีนสีเทา"นับจากนี้ มีรายงานว่า ตำรวจจะสรุปสำนวนส่งให้อัยการอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 15 มกราคม ซึ่งทันฝากขังนัดสุดท้าย และยังยืนยันคัดค้านการยื่นประกันตัวของนายตู้ห่าวทุกครั้ง และคาดว่าทางอัยการจะแถลงสั่งฟ้อง พร้อมนำสำนวนยื่นฟ้องต่อศาลภายในวันที่ 20 มกราคม 
ตำรวจนครบาล เข้าตรวจค้นผับจินหลิง -แฟ้มภาพ-

  ดิสเครดิตพนักงานสอบสวน หวังผล 2 เด้ง  
ส่วนข่าวที่มีการโจมตีการทำงานของพนักงานสอบสวน"คดีตู้ห่าว"นั้น มีรายงานจากแหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า เป็นขบวนการทำลายความน่าเชื่อถือของพนักงานสอบสวน และหวังให้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนยกชุด 

แต่ "ผบ.ตร." พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ยังคงหนักแน่น และมั่นใจในพนักงานสอบสวนชุดนี้ !!

ที่สำคัญหากมีการเปลี่ยนม้ากลางศึก เปลี่ยนพนักงานสอบสวนในช่วงที่คดีใกล้สรุปสำนวน อาจทำให้สำนวนคดีผิดเพี้ยนไปได้ ทั้งในชั้นสรุปสำนวน และชั้นรวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการ เนื่องจากคณะพนักงานสอบสวนได้เรียงร้อยหลักฐานไว้เป็นอย่างดี และมีหลักฐานหลายส่วนเชื่อมโยง"ตู้ห่าว"กับขบวนการค้ายาเสพติด ฟอกเงิน ซึ่งสามารถเอาผิดได้แน่นอน

สำหรับสาเหตุของการพยายามดิสเครดิตการทำงานของพนักงานสอบสวน หวังผล 2 เด้ง คือ เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน เพื่อให้สำนวนคดีเปลี่ยนแปลง อาจทำให้สำนวนอ่อนลง ส่งผลต่อการพิจารณาคดีในชั้นศาล ซึ่งเป็นผลประโยชน์เด้งแรก ส่วนอีกเด้งหนึ่ง คือการเปลี่ยนตัว ผบช.น. ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใครหลายคนหมายปอง
เมื่อ 15 ธ.ค.65 ผบช.น. แจง "คดีตู้ห่าว" ย้ำทำคดีนี้สมบูรณ์ที่สุด

  เขย่าเก้าอี้ “บิ๊กจ้าว” ใครได้ประโยชน์  
การก้าวเข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบช.น. ของ “บิ๊กจ้าว” พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ค่อนข้างพลิกโผ อาจมีหลายคนที่วาดหวังนั่งเก้าอี้ตัวนี้ แล้วพลาดหวัง จึงฉวยโอกาสนี้ออกมาเขย่าเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

โดยสำนวน"คดีตู้ห่าว" หัวหน้าพนักงานสอบสวนอย่าง ผบช.น. ต้องรับผิดชอบเต็มๆ อยู่แล้ว หากสุดท้ายศาลยกฟ้อง หรือเอาผิดตู้ห่าวไม่ได้ อาจจะต้องโดนฟ้องกลับ และโดนกล่าวหาอีกหลายอย่าง

แต่ในทางกลับกัน หากมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนในช่วงนี้ แล้วมีการไปปรับเปลี่ยนสำนวนคดี จนสุดท้ายตู้ห่าวรอด ศาลยกฟ้อง คำถามคือใครได้ประโยชน์ และใครจะรับผิดชอบ เนื่องจากจะมีกระแสกล่าวหา ผบช.น.ในเรื่องการทำสำนวนอยู่เช่นเดิม 

กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ซึ่งเป็น “คนมีสี” มีหลายกลุ่ม บางกลุ่มมีผลประโยชน์ร่วมกันกับ"ตู้ห่าว"มาก่อน และหากตู้ห่าวหลุดคดี ก็ต้องคืนทรัพย์สินที่ยึดอายัดไว้ทั้งหมด โดยกระบวนการขอคืนทรัพย์สิน ก็อาจมีการหักหัวคิว ทำให้บางคนได้ผลประโยชน์อีกส่วนหนึ่งด้วย 

"ชูวิทย์" ออกมาตั้งข้อสังเกตุการทำสำนวนคดีอาจมีช่องโหว่ จนทำให้ "ตู้ห่าว" หลุดคดีได้
  จับตาใส่เกียร์ลุยคดี “ตู้ห่าว ภาค2”  
ที่สำคัญคดีตู้ห่าว ไม่ได้จบแค่สำนวนนี้ แต่ พลตำรวจโท ธิติ กำลังเตรียมเดินหน้าต่อในคดี “ตู้ห่าวภาค 2” เพราะมีหลักฐานเชื่อมโยงไปยังกลุ่มธุรกิจใกล้เคียง ทั้งในประเทศไทย (ในกรุงเทพฯ เมืองท่องเที่ยวสำคัญ) และในต่างประเทศ โดยเฉพาะกัมพูชา 

กิจกรรมผิดกฎหมายในโรงแรมหรูเครือข่ายของนายตู้ห่าว / ซึ่งมี “คนมีสี” ทั้งในและนอกราชการ และมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองกรุง เกี่ยวข้องด้วย 

ฉะนั้นการเขย่าเก้าอี้ ผบช.น. หวังให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน จึงอาจเป็นการเตะหมูเข้าปากใคร...ก็เป็นได้!!

ขบวนการเขย่าคดี\"ตู้ห่าว\" ระวังเตะหมูเข้าปากใคร?

logoline