“บิ๊กจ้าว” ยันทำคดี “ผับจินหลิง” ไม่มีนอกมีใน รอดูผลวันที่อัยการสั่งฟ้อง

28 ธันวาคม 2565 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้า กระบวนการสืบสวนสอบสวนคดี "ผับจินหลิง" ที่มีความเชื่อมโยงกับคดี "ตู้ห่าว" ว่า การแถลงข่าววันนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ในการปฏิบัติงานของตำรวจ ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หัวหน้าพนักงานสอบสวน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• “ชูวิทย์” บุกร้องอัยการสอบสวน ขอตั้งข้อหา “ตู้ห่าว” นำเข้ายาเสพติดเพิ่ม
• ผบ.ตร. สั่ง “บิ๊กจ้าว” แจงผลตรวจรถหรู 11 คัน ผับจินหลิง โยง "ตู้ห่าว" บ่ายนี้
• "ชูวิทย์"ทำจดหมายเปิดผนึกถึง"นายกฯ" จี้ย้าย ผบช.น. เซ่น"คดีตู้ห่าว"
• ตร. ตรวจรถหรูของกลางคดีผับจินหลิง เจอหลักฐานเอี่ยว "ตู้ห่าว-ทุนจีนสีเทา"

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า สำหรับการเริ่มต้นทำคดี จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา ตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้แกะรอยจากการข่าว ที่ระบุว่า ในพื้นที่เกิดเหตุมีการเปิดบ่อนการพนัน จำหน่ายยาเสพติด โดยในวันที่ลงพื้นที่ปฏิบัติการนั้น เจ้าหน้าที่แบ่งชุดปฏิบัติการ เพื่อตรวจสอบ รวบรวม และควบคุม หลายกลุ่มงาน เพื่อควบคุมผู้ต้องหาตามจุดต่าง ๆ

ทั้งตามห้อง ด้านในและนอกอาคาร ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน แม้ระหว่างทางที่ดำเนินการ จะพบเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ด้วยการคืนรถที่ตรวจยึดได้ ต่อมาตำรวจรายนั้น ได้เข้าสู่การสอบสวนของ คณะกรรมการสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 และดำเนินการเรื่อยมาจนแล้วเสร็จ 


โดยคดีนี้ถูกดำเนินเรื่อยมาจนกระทั่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติ์ประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตนได้ทราบคำสั่งวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังการตั้งคณะกรรมการ สิ่งที่ทำคือ หารือถึงปัญหาที่พบจาก กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 จึงนำมาซึ่ง การแก้ไขปัญหา เช่น ตรวจรถยนต์ การเข้าไปในสถานที่ไม่ได้ การตรวจพบอาวุธปืน และยาเสพติด

 

สวนประเด็นที่สงสัยว่า เหตุใดตำรวจเข้าไปตรวจค้นในอาคารวิปวัปคาร์วอช และตรวจด้านในรถยนต์ไม่ได้ เรื่องนี้ทาง บช.น. ได้มีหนังสือคำสั่งให้ พ.ต.อ.สราวุธิ คนใหญ่ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าดำเนินการตั้งแต่วันที่ตรวจค้น และวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีหนังสือเร่งรัดให้ดำเนินการตรวจสอบ แต่ทัั้งนี้รายงานระบุว่า ไม่สามารถตรวจรถได้ทุกคัน และไม่มีรหัสเปิดประตู ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า บช.น. ทำหนังสือไปยัง กรมการขนส่งทางบก และกรมศุลกากร เพื่อตรวจสอบหาเจ้าของรถยนต์ ตลอดจนการนำเข้ารถต่างประเทศ เพื่อให้เจ้าของรถเข้ามารายงาน จากนั้นมีคำสั่งจาก เลขาธิการ ป.ป.ส. ให้ยึด "อายัดทรัพย์สินของกลางทั้งหมดไว้ชั่วคราว" พนักงานสอบสวน จึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ เพราะมีระเบียบ แต่ที่ผ่านมา มีการทำความเข้าใจในการทำงาน


พล.ต.ท.ธิติ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเมื่อวานนี้ ทั้งในอาคาร สำลีพันไม้ ถาดไม้ เป็นข้อสงสัยว่า ทำไมไม่มีการจัดเก็บปล่อยทิ้งไว้ที่เกิดเหตุได้อย่างไร พนักงานสอบสวน ชุ่ยมากขนาดนั้น เรื่องนี้ กล่าวว่า ในอาคารมีห้องคาราโอเกะ หลายห้อง และเจ้าหน้าที่พบสิ่งของเหล่านี้ พร้อมผู้ต้องหาแล้ว ตำรวจใช้จะเก็บหลักฐานส่วนนี้ มัดตัวผู้ต้องหา เพราะเป็นวัตถุพยานใกล้ชิด และวันดังกล่าว มีการจัดเก็บ จำนวนมากพอที่จะเชื่อมโยงกับคดีอื่นได้

ส่วนอาคารลีลา ที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมไม่ตรวจ ซึ่งส่วนนี้ มีรายงานสอบสวนว่า มีการตั้งข้อสงสัยไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า มีการลักลอบเล่นการพนัน ฉะนั้นสิ่งที่ตรวจเมื่อวาน จึงช่วยยืนยันว่า รายงานการสืบสวนที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ถูกต้อง




พล.ต.ท.ธิติ กล่าวอีกว่า การจะกล่าวหาใคร มีโทษพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ตำรวจทำตามเอกสารทุกอย่าง อธิบายกระบวนการให้ฟังแล้ว ส่วนอุปสรรคการตรวจอาวุธ ในอาคารวิปวัปคาร์วอช ที่ตรวจค้นถึง 2 ครั้งนั้น

ในครั้งแรก วันที่ 26 พ.ย. ยืนยันว่า เข้าไม่ได้ แต่คณะทำงาน ได้กลับมาประชุม และยืนยันว่าต้องเข้าตรวจสอบให้ได้ เพราะอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง กับผับจินหลิง จากนั้นการตรวจครั้งที่ 2 คือวันที่ 1 ธ.ค. 65 ศาลให้เวลา 1 ชั่วโมง เพื่อตรวจตามกรอบเวลาที่เหมาะสม เพราะอาคารไม่มีเจ้าของออกมาแสดงตัว ต้องหาพยานข้างเคียง สรุปแล้ววันแรกที่ค้นเจอยาเสพติด อาวุธ เจ้าหน้าที่บันทึกภาพเป็นหลักฐาน เรียบร้อยแล้ว 

ยืนยันว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้ สามารถดำเนินคดีผู้ทำผิดได้อย่างแน่นอน หลังจากนี้ขอให้ติดตามผลการสั่งคดีของอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนต่อไป