19 ธันวาคม 2565 ทลายแก๊ง"นายทุนจีน" ปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหด ผ่านแอปพลิเคชัน โดย "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะรองผอ.ศปน.ตร. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบช.ภ.1/หัวหน้าชุดปฏิบัติการส่วนกลางศปน.ตร. และพล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ ดอกเบี้ยโหด ผ่านแอปพลิเคชัน ส่งข้อความข่มขู่ลูกหนี้
แก๊งดังกล่าวปล่อยกู้ผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “Self service” และ “กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม” รวมถึงแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 40 แอปพลิเคชัน ซึ่งได้ออกหมายจับ 23 หมาย ผู้ต้องหา 22 ราย เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 22 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี เชียงราย พะเยา ชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 20 หมาย ผู้ต้องหา 19 ราย
ทั้งนี้ยังได้จับกุม 2 นายทุนจีน ประกอบด้วย
จับกุมทั้งสองคนตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 828-829/2565 ลง 13 ธ.ค. 65 และจับกุมคนไทยอีก 17 คน ในความผิดฐาน ดังนี้
ตำรวจได้ทำการอายัดบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้อง จำนวน 33 บัญชี ยอดเงิน 5,293,869.77 บาท พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางได้ รวม 7 รายการ ประกอบด้วย
จากการสืบสวนของตำรวจ พบว่าแอปพลิเคชัน "กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม" และ "Self service" มีลักษณะคล้ายกัน โดยเมื่อดาวน์โหลดแอปพลิชันแล้ว จะพบว่า ภายในแอปพลิชันดังกล่าว มีแอปพลิเคชันย่อยแอบแฝงอยู่ กว่า 40 แอปพลิเคชัน ซึ่งลูกหนี้สามารถเลือกกู้เงินได้ โดยมีการคิดค่าบริการร้อยละ 40 ของยอดเงินกู้ ต่อ 7 วัน หรือคิดดอกเบี้ยกว่า ร้อยละ 2,080 ต่อปี
เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ก็จะโทรศัพท์ และส่งข้อความมาทวงถาม ในลักษณะข่มขู่คุกคาม ว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล จากการสืบสวนเพิ่มเติม พบว่า ผู้อยู่เบื้องหลังคือ นายทุนชาวจีน ที่เป็นผู้รับผลประโยชน์ และเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับ แอปพลิเคชันดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่มีการเปิดปฏิบัติการทลายแก๊งปล่อยเงินกู้ในครั้งนี้ มีความพยายามจะหลบหนีไปออกนอกประเทศ แต่ถูกตำรวจ ติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
ในส่วนของแอปพลิเคชัน “กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม” มีแอปพลิเคชันอื่น ที่เกี่ยวข้องกว่า 20 แอปพลิเคชัน จากการตรวจสอบพบว่าไม่เคยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้กำกับแต่อย่างใด โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน กลุ่มคนร้าย ใช้บัญชีธนาคารกว่า 20 บัญชี ในการกระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนสูงถึง 1,000 ล้านบาท
เมื่อได้กำไรจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบแล้ว จะรีบโอนเงินออกเป็นทอดๆ ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และในส่วนของแอปพลิเคชัน “Self service” พบว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับเช่นเดียวกัน โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน พบว่ากลุ่มคนร้ายใช้บัญชี 11 บัญชี ในการกระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 1,500 ล้านบาท และมีการโอนเงินออกเป็นทอดๆ เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ทั้งสองแอปพลิเคชัน มีการนำกำไรดังกล่าวไปซื้อเป็นเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สินค้าและบริการ เพื่อให้ยากต่อการถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ศปน.ตร. มีหน้าที่ในการปราบปรามแก๊งเงินกู้นอกระบบ ปัจจุบันมีการกระทำผิดในหลายรูปแบบ ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้ได้เข้าทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงผู้ที่ต้องการกู้ได้ง่ายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ได้ด้วยเช่นกัน
แก๊งเหล่านี้จะเอามาใช้ในการข่มขู่ เพื่อให้ผู้กู้ยินยอมชำระดอกเบี้ยมหาโหด ถึงร้อยละ 40 ต่อ 7 วัน หรือร้อยละ 2,080 ต่อปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายทุนชาวจีนที่อยู่เบื้องหลังแอปพลิเคชันดังกล่าว พร้อมทั้งยึดทรัพย์สิน และบัญชีที่ใช้ในการกระทำความผิดได้
หลังจากนี้ จะสั่งการให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มเติม ที่ติดตามยึดอายัด เพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะมีการตรวจสอบการกระทำผิด ในลักษณะของการปล่อยเงินกู้นอกระบบ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิด มาลงโทษตามกฎหมายต่อไป ขอเตือนคนไทยที่รับเปิดบัญชีม้า ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะจะต้องรับโทษเท่ากันกับนายทุนที่เป็นคนจีน
หากประชาชนคนใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้ หรือมีเบาะแสที่เป็นประโยชน์ สามารถแจ้งได้ที่ช่องทาง 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้เช่นกัน
ขณะที่ พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผู้กำกับการ 5 บก.ปอศ. กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปี 2564 และกลางปี 2565 ศปน.ตร.พบมีผู้เสียหายในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ร้องเรียนผ่านเพจดังว่ามีแอปพลิเคชันปล่อยเงินกู้นอกระบบส่งข้อความข่มขู่ลูกหนี้ ซึ่งแอปฯดังกล่าว ไม่ต้องใช้หลักประกัน แต่เมื่อโหลดแอปฯ ลูกหนี้ จะถูกดูดข้อมูลเบอร์โทรจากในโทรศัพท์
จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 แอปพลิเคชั่น มีลูกหนี้รวมกันกว่า 80,000 คน หากกู้เงิน 3,000 บาท จะได้รับเงินเพียง 1,800 บาท และต้องจ่ายเงินคืน 3,000 บาท ภายใน 7 วัน หรือถูกคิดดอกเบี้ย 1,200 บาท เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของทั้ง 2 แอปพลิเคชันพบว่ามีนายทุนคนเดียวกันคือ น.ส.ไช่ ซิง เหมย พบในระยะเวลา 6 เดือน ได้ถอนเงินสดจากบัญชีม้า ที่เป็นต้นน้ำของอาชญากรรม ครั้งละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 40 ล้านบาท ทั้งนี้ได้เพิกถอนวีซ่าของ 2 คนจีนเรียบร้อยแล้ว
ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการอนุญาตให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลทางช่องทางต่างๆ เช่น การอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์
หากต้องการตรวจสอบแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้ เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย และ เว็บไซต์สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
ทีมอาชญากรรม สำนักข่าวเนชั่น