svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตำรวจ PCT ทลายคอลเซ็นเตอร์ไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย ลวงเหยื่อหลอกลงทุน

"บิ๊กเด่น" ส่งทีมตำรวจ PCT ทลายกลุ่ม startup คอลเซ็นเตอร์เมืองไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย หลอกคุยชู้สาว ก่อนลวงเหยื่อร่วมลงทุนทิพย์ สารภาพเคยทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศเพื่อนบ้าน ลอกเลียนวิธีหลอกกลับมาเปิดเองในประเทศไทยได้ 2 เดือน

5 ธันวาคม 2565 รวบแก๊งคอลเซนเตอร์ ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้เป็นอันดับหนึ่งเพราะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ล่าสุด ทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มือปราบคอลเซ็นเตอร์ได้วิเคราะห์ข้อมูลพบแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มใหม่เกิดขึ้นในข้อมูลระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ชักชวนให้ลงทุนและทำภารกิจ ภายใต้บริษัทปลอมที่ใช้ชื่อว่า E-SHIPING.SHOP

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้าชุด ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่าแก๊งดังกล่าวอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตามปกติจะอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จนสืบสวนทราบถึงสถานที่ตั้งก่อนนำกำลังบุกทลาย ภายในคอนโดย่าน ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จว.สมุทรปราการ มีผู้ร่วมขบวนการภายในห้องมีจำนวน 4 คน

ตำรวจ PCT ทลายคอลเซ็นเตอร์ไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย ลวงเหยื่อหลอกลงทุน

จากปฏิบัติการดังกล่าว สามารถตรวจยึดของกลางดังนี้

  • คอมพิวเตอร์ 3 เครื่อง
  • โทรศัพท์มือถือจำนวน 9 เครื่อง
  • สมุดบัญชีจำนวน 5 เล่ม
  • ซิมการ์ดโทรศัพท์ 38 ซิม
     

จากการตรวจสอบพบว่าข้อมูล รูปแบบการหลอกลวงเรียกได้ว่าถอดแบบมาจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งท้ายสุดหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการได้ยอมรับว่า ได้นำความรู้ นำ Knowhow ที่ได้จากการไปทำในประเทศเพื่อนบ้านกลับมาทำเอง เพราะคิดว่าตัวเองมีความรู้ระดับอาจารย์ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรับเปอร์เซ็นต์จากคนจีนแค่ 3% โดยวาดฝันไว้ว่าตนเองจะเป็นผู้ก่อตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของคนไทยเจ้าแรก และจะเป็น Start Up เพื่อขยายกิจการในประเทศไทย แต่ทำได้เพียง 2 เดือนก็มาถูกจับเสียก่อน

ตำรวจ PCT ทลายคอลเซ็นเตอร์ไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย ลวงเหยื่อหลอกลงทุน

จากการตรวจสอบข้อมูลทั้งในโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ ทำให้ทราบว่าทั้ง 4 ได้ร่วมกันหลอกลวงโดยมีแผนประทุษกรรม คือ จะสร้างเฟสบุ๊คปลอม (อวตาร) โดยใช้ภาพโปรไฟล์เป็นสาวสวยแล้วขักชวนเพื่อนในเฟซบุ๊ก เข้าไปการพูดคุยเชิงชู้สาว เพื่อชักชวนมาลงทุน โดยเมื่อเหยื่อสนใจ จะเชิญเข้า “กลุ่มไลน์” โดยอ้างว่าเป็นบริษัทที่ชื่อว่า "E-SHIPING SHOP" ซึ่งแท้จริงเป็นบริษัทที่ไม่มีอยู่จริง

ตำรวจ PCT ทลายคอลเซ็นเตอร์ไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย ลวงเหยื่อหลอกลงทุน

จากนั้นจะให้คุยกับ อ.กอล์ฟ ซึ่งเป็นตัวตนปลอมที่อุปโลกน์ว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน หลอกเสนอขายแผนโปรแกรม หลายๆแบบ เช่น การท่องเที่ยว การแต่งงาน แล้วหลอกให้โอนเงินร่วมลงทุนตามแผนงานต่างๆเหล่านั้น เหมือนเป็นการหลอกให้ทำภารกิจโดยอ้างว่าเมื่อเหยื่อโอนเงินมาแล้วทำภารกิจเสร็จจะได้เงินคืนในจำนวนมากกว่าเดิม 

ตำรวจ PCT ทลายคอลเซ็นเตอร์ไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย ลวงเหยื่อหลอกลงทุน

ภายในกลุ่มไลน์ดังกล่าวจะมีเหยื่ออยู่ในกลุ่มเพียงคนเดียว ที่เหลือจะเป็นหน้าม้าทั้งหมด โดยจะมีการให้หน้าม้าแสร้งส่งภาพสลิปการโอนเงินทำทีว่าได้รับเงินจริง แต่แท้จริงเป็นสลิปการโอนเงินปลอม ซึ่งเมื่อเหยื่อเห็นว่าคนในกลุ่มได้รับเงินโอนจริงจะเกิดความโลภและยอมโอนเงินลงทุนในที่สุด

เมื่อเหยื่อโอนเงินแล้วจะทำทีแสดงข้อมูลในโปรแกรมโชว์ยอดรายได้ให้เหยื่อเห็น แต่เหยื่อต้องการถอนเงินก็จะไม่สามารถถอนได้ โดยจะอ้างว่าเหยื่อทำผิดวิธี และจะชักชวนให้ลงทุนเพิ่มไปเรื่อยๆ

ตำรวจ PCT ทลายคอลเซ็นเตอร์ไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย ลวงเหยื่อหลอกลงทุน  

รูปแบบการวางระบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้เป็นรูปแบบเดียวกับหลายๆแก๊งที่ตั้งออฟฟิศอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่กลุ่มนี้สามารถรวบรัดระบบต่างๆไว้ในห้องๆเดียวด้วยคอมพิวเตอร์เพียง 3 เครื่อง และใช้คนจัดการเพียง 4 คน ซึ่งมีทั้งการทำระบบหลังบ้าน, ระบบการแบ่งห้องไลน์สนทนา, ระบบแถว 1 ที่การชักชวนเหยื่อ, การปลอมสลิปด้วยเทมเพลตในโปรแกรม Photoshop และอีกหลายขั้นตอน ซึ่งบ่งบอกถึงประสบการณ์และความเข้าใจในการทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอย่างดี

ตำรวจ PCT ทลายคอลเซ็นเตอร์ไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย ลวงเหยื่อหลอกลงทุน  

หลังเสร็จสิ้นการตรวจค้น ชุดจับกุมได้ทำการจับกุมตัว นายสุพรพงษ์ ปัญญาไว หรือแบงค์ ตามหมายจับของศาล นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ดำเนินคดีตามกฏหมาย และได้นำตัวอีก 3 รายมาซักถามปากคำที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ 

น.ส.คณิณัช จิรโชควนิช หรือแฟง ให้การว่า ตนเองเคยเป็นพนักงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งทำจนมีความชำนาญมาก มีความรู้ระดับอาจารย์ แต่ละเดือนตอนอยู่กัมพูชาสามารถทำยอดเงินได้เดือนละเป็น 100 ล้านบาท ยอมรับว่าตัวเองคนเดียวสามารถทำงานได้เหมือนคนหกคนในเวลาเดียวกัน ซึ่งเมื่อทำไปเรื่อยก็เกิดความรู้สึกที่ว่า ทำไมจะไปทำเพื่อรับเปอร์เซ็นต์จากบอสชาวจีนแค่ 3% จึงเกิดความโลภคิดอยากทำเองเพื่อจะได้รับเงินเต็มๆ 

"ระหว่างที่ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา ก็ได้แอบเก็บข้อมูล รูปแบบ สคริปต่างๆของชาวจีน และได้เลือกรูปแบบที่คิดว่าสมบูรณ์แบบเก็บติดตัวไว้ และได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยเมื่อประมาณเดือน ก.ย. 65"

ตำรวจ PCT ทลายคอลเซ็นเตอร์ไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย ลวงเหยื่อหลอกลงทุน
ตำรวจ PCT ทลายคอลเซ็นเตอร์ไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย ลวงเหยื่อหลอกลงทุน
จากนั้นก็ได้เริ่มทำในประเทศไทยโดยได้จ้างให้ โปรแกรมเมอร์คนไทยที่อยู่ในประเทศกัมพูชา เขียนโปรแกรมให้ ในราคา 60,000 บาท จากนั้นจึงได้ร่วมกับพวกที่อยู่ในห้องอีก 3 คน ทำด้วยกัน โดยส่วนแบ่งรายได้ที่ได้จากการหลอกลวง ตนเองจะได้ 30% , นายสุพรพงษ์ จะได้ 30% , น.ส.สิริธรฯ จะได้ 20% และ นางสาวทิพวรรณฯ จะได้ 20% โดยหวังไว้ว่าตนเองจะเป็นผู้ก่อตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของคนไทยเจ้าแรก และจะเป็น Start Up เพื่อขยายกิจการในประเทศไทย แต่ทำได้เพียง 2 เดือนก็มาถูกจับเสียก่อน อยู่ระหว่างติดตามผู้เสียหายโดยจะมีการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับทั้งหมดตามกฏหมายในเรื่องการฉ้อโกงประชาชนต่อไป

ในชั้นจับกุม นายสุพรพงษ์ ปัญญาไว หรือแบงค์ ให้การว่า ตนเองเป็นพนักงานอยู่ในเว็บพนันชื่อว่า UFABET168.net โดยมีเจ้าของเป็นชายไทยที่มีฐานะคนหนึ่ง ซึ่งตอนอยู่ที่กัมพูชา ได้รู้จักและเป็นแฟนกับ น.ส.คณิณัชฯ ซึ่งตอนนั้น น.ส.คณิณัช เคยทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศกัมพูชา และเอารูปแบบนั้นกลับมาทำที่ประเทศไทย โดยตนเองก็ร่วมทำด้วยกัน โดยหน้าที่ต่างๆก็จะช่วยกันทำทั้ง 4 คน และเมื่อได้กำไรก็จะนำมาแบ่งกัน

ตำรวจ PCT ทลายคอลเซ็นเตอร์ไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย ลวงเหยื่อหลอกลงทุน

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้มีความน่ากลัว เพราะทั้ง 4 ถือเป็นต้นเชื้อ เป็นระดับหัวกะทิ ที่นำความรู้ความสามารถจากการเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน กลับมาตั้งต้นทำในประเทศไทย 

"เราจะมีการขยายผลต่อไปจนถึงที่สุด ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้ถือเป็นการ ตัดไฟแต่ต้นลม ได้อย่างทันท่วงที"


พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวอีกว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากคนร้ายกลุ่มนี้ โดยสังเกตจากภาพอวตาลที่ใช้หลอก โดยแจ้งข้อมูลมาที่ สายด่วน 1441 ตำรวจไซเบอร์ หรือ ศูนย์ ศปอส.ตร. 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com และขอเตือนขอเตือนประชาชนคนไทยที่ว่างงานอยู่ กำลังตัดสินใจไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนใหญ่ไปแล้วก็เป็น call center และเมื่อใดที่ไปเข้าร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว คุณจะกลับประเทศมาเยี่ยงอาชญากร มิใช่เหยื่อ

รูปสาวสวยที่นำมาหลอกเหยื่อ ตำรวจ PCT ทลายคอลเซ็นเตอร์ไทย สร้างเฟซบุ๊กอวตารสาวสวย ลวงเหยื่อหลอกลงทุน