21 พฤศจิกายน 2565 นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล นำเอกสารหลักฐาน 3 กระเป๋าใหญ่ มามอบให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการซื้อขายธุรกิจอาบอบนวด 6 แห่ง มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ระหว่าง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กับ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หรือ "เสี่ยกำพล" อดีตเจ้าของอาบอบนวดชื่อดัง
นายสันธนะ กล่าวว่า การซื้อขายดังกล่าว ไม่มีการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลให้กับกรมสรรพากร โดยตนเอง ได้นำหลักฐานที่เชื่อว่าการโอนย้ายธุรกิจนั้นไม่โปรงใส แม้ว่าจะมีการเปิดเผยว่า จะมีการซื้อขายธุรกิจกัน แต่ไม่เปิดเผยถึงตัวเลขที่แท้จริง
ข้อมูลดังกล่าว ตนเองได้มาจาก "โกลัก" ที่เคยมีความขัดแย้งกับตัวนายชูวิทย์ ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็นตัวเลขเดียวกันกับที่กรมสรรพากรมี หากนายชูวิทย์บริสุทธิ์ใจจริง ก็ออกมาตอบคำถามสื่อในประเด็นเรื่องภาษี เพราะตนเองทราบว่านายกำพล ยังมีชีวิตอยู่แม้จะหลบหนีคดีอยู่ก็ตาม
สำหรับประเด็นนายชูวิทย์ ออกมาพูดถึงเรื่องตัดความสัมพันธ์ต่อกันนั้น นายสันธนะ กล่าวว่า ทำไมถึงพูดแบบนั้น ทั้งที่เราสองคนก็รู้จักกันมานาน ทำไมจำเรื่องราววันเก่า ๆ ไม่ได้ อีกทั้งที่ผ่านมาตนเองยังเคยพูดเชิงตำหนิการทำงานของนายชูวิทย์ อยู่เลย เช่น ตอนที่ไปรายงานตัว คสช. ในครั้งนั้น เหตุใดจะจำกันไม่ได้ ตอนนั้นยังปากคอสั่น ไม่กล้าเถียงตนอยู่เลย แต่พอมาพูดแบบนี้ออกสื่อก็ต้องบอกเลยว่าความสัมพันธ์นั้นจบกันไปได้เลย
ส่วนกรณีทุนจีนสีเทา นายสันธนะ ยืนยันว่า นาย จ. ที่เป็นนักธุรกิจชาวจีนนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับนายทุนจีนอีก 5 คน ที่ทำความผิดในประเทศไทย หนำซ้ำก่อนหน้านี้ก็มีสื่อบางสำนักไปตรวจสอบก็พบว่าไม่มีความผิดด้วยเช่นกัน ทำให้นายชูวิทย์ เบนเข็มไปเล่นงาน นาย ต. แทน
ตอนนี้ที่ตนเองทราบ นาย จ. และ นาย ต. กำลังจะเตรียมฟ้องกลับนายชูวิทย์ อีกทั้งตนเองยังยืนยันว่าที่ผ่านมาตนเองรู้จักทั้ง 2 คน เป็นอย่างดีไม่เคยมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลย ซึ่งหากมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจริง ตนเองพร้อมจะช่วยดำเนินคดีให้ด้วย
นายชูวิทย์ ไปเคลียร์เส้นทางการเงินของตัวเองให้ดีก่อน ที่จะไปให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของคนอื่น ส่วนกรณีที่นาย ต. มีเครื่องบินส่วนตัว ตนขอชี้แจง ว่า เขาเป็นนักธุรกิจ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมีเครื่องบินส่วนตัวหรือไม่ ทำไมนายชูวิทย์ ต้องนำประเด็นนี้มาพูดตามสื่อ
สำหรับวันพรุ่งนี้ (22 พฤศจิกายน 2565) นายชูวิทย์ จะเดินทางไปศาลอาญา เพื่อฟ้องตนเอง ในข้อหา "กลั่นแกล้ง" นั้น นายสันธนะ ยืนยันว่า
"ไม่กลัว ฟ้องได้เลย รวมถึงที่มีการเรียกเงิน 100 ล้านบาท ในคดีแพ่งนั้น เรียกมาได้เลย 1 พันล้านบาท ถ้าคิดว่าตนผิดจริง แต่หากไม่พบมูลความผิดตนจะฟ้องกลับแน่นอน รวมถึงกรณีที่กล่าวหาว่าตนไปรีดไถคนอื่นนั้น หากมีหลักฐานชัดเจนว่าตนมีพฤติกรรมเช่นนั้นก็ให้นำมาแสดง ซึ่งตนจะแถมเงินให้จำนวน 1 ล้านบาทอีกด้วย"
ทั้งนี้ ขณะนายสันธนะ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ได้มีการเปิดกระเป๋าเอกสารที่นำมาด้วยให้สื่อดู ซึ่งในนั้นมีเอกสาร และมีเงินสด จำนวน 6 แสนบาทอยู่ ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เงินจำนวนดังกล่าวนั้น เป็นหลักฐานหรือไม่ นายสันธนะ บอกว่าไม่ใช่ แต่เป็นเงินส่วนตัวที่พกติดตัวมาตลอด เผื่อว่าตนเอง และลูกน้องจะถูกดำเนินคดี จะได้มีเงินไว้ประกันตัว ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวเพียงพอต่อคดีที่ตนเองถูกกล่าวหาอยู่ในขณะนี้
อีกทั้งในขณะนั้นตนเองไม่ได้ไปรายงานตัวจึงอยากมาถามกระทรวงยุติธรรมว่าตอนนี้ยังมารายงานตัวได้อยู่หรือไม่ ส่วนพรุ่งนี้ยืนยันตนเองจะเดินทางไปศาลอาญา รัชดา แน่นอน และขอให้นายชูวิทย์ดื่มกาแฟ รอพบตนเองอีกด้วย
ด้าน ว่าที่ ร้อยตรี ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องการรายงานตัว ทางกระทรวงบอกว่า ตนยังสามารถนายงานตัวได้ต่อ แต่ต้องมาตามนัด