16 กันยายน 2565 ความคืบหน้ากรณี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พา น.ส.อ้อ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ เข้าแจ้งความที่ สภ.ลาดหญ้า กล่าวโทษ ส.อ.กิตติศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนข้าราชการทหาร ที่มีพฤติกรรมบุกรุกบ้านพัก พยายามลงมือกระทำชำเรา แต่ผู้เสียหายขัดขืนจนรอดมาได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม : สาว พนง. หน่วยทหารกาญจนบุรี ร้องถูกสิบเอกบุกบ้านหวังข่มขืนกลางวันแสก ๆ
ล่าสุด “กัน จอมพลัง” พร้อมด้วย น.ส.อ้อ (นามสมมุติ) ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ผ่านนายทหารปฏิบัติการประจำสำนักงานเลขานุการกองทัพบก ประกอบด้วย พ.อ.หญิง รพีพัทธ์ ตรีจิตรฐิติกุล และ พ.ท.หญิง ปรารถนา ชื่นครอบ เป็นผู้รับเรื่อง
พ.อ.หญิง รพีพัทธ์ ยืนยันว่า ผบ.ทบ.ได้สั่งการมาโดยตรงให้ดูแลเรื่องดังกล่าวและให้ความเป็นธรรม ซึ่งในขั้นตอนนี้ถือเป็นการรับเรื่องร้องเรียนและจะส่งไปยังหน่วยต้นสังกัดชี้แจงให้ชัดเจนทุกข้อที่ร้องเรียนมา ส่วนเรื่องคดีความเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง พร้อมกันนี้ได้ให้กำลังใจผู้เสียหายในฐานะที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน ที่ต้องอดทนและแข็งแกร่งต่อสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน
ด้าน นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ที่เดินทางมาพร้อมผู้เสียหาย ระบุว่า ได้นำประเด็นที่ผู้เสียหายรู้สึกกังวลใจมาร้องเรียนต่อกองทัพบก โดยเฉพาะกรณีที่อาจจะมีผู้ใหญ่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ และทำให้ผู้เสียหายเกิดความกังวลใจ
สำหรับกรณีที่ทหารยศสิบเอก ได้รับการปล่อยตัวนั้น ไม่ได้รู้สึกกังวลใจ เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและข้อเท็จจริง นอกจากนี้ยังได้มีการประสานไปทางกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยานแล้ว และขอเตือนว่าหากมีใครเข้ามาก้าวก่ายหรือคุกคามผู้เสียหายขอให้ระวังตัวไว้
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ยังมีผู้เสียหายอีกหลายคนไม่กล้าออกมาแจ้งความ เรียกร้องความเป็นธรรม เพราะกลัวผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากมีผู้ใหญ่ในหน่วยช่วยเหลือ ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกกังวลใจ และเจ้าหน้าที่ทหารในหน่วยไม่กล้าเข้ามาพูดคุยกับผู้เสียหาย เพราะกลัวจะได้รับผลกระทบไปด้วย
ส่วนกรณีที่มีคลิปเพิ่มเติมนั้น ไม่แน่ใจว่าจะสามารถเอาผิดกับผู้ก่อเหตุได้หรือไม่ แต่เป็นคลิปที่แสดงให้เห็นว่าทหารยศสิบเอกคนนี้ดูมีอิทธิพล ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องดูต่อไปว่ามีบุคคลอื่นในหน่วยเกี่ยวข้องกับสิบเอกหรือไม่ด้วย
ขณะเดียวกัน อาจจะร้องเรียนกระทรวงกลาโหมตามลำดับชั้นต่อไป หากมีช่องทางที่สามารถดำเนินการได้ แต่ในส่วนของกองทัพบกก็ถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการประสานงาน
ด้าน น.ส.อ้อ ผู้เสียหาย กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า กองทัพบกให้ความสบายใจจากการรับร้องทุกข์ ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามขั้นตอนต่อไป พร้อมยอมรับว่า ตั้งแต่เกิดเหตุสภาพจิตใจแย่มากเคยคิดอยากฆ่าตัวตาย ท้อแท้ ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ และเป็นผู้ถูกกระทำ แต่กลับถูกมองว่าเป็นผู้ทำให้หน่วยงานได้รับความเสียหาย แต่เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากหลายฝ่ายก็มีกำลังใจมากขึ้น และต้องสู้เพื่อความยุติธรรม และสิทธิของผู้หญิง นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า เจ้าหน้าที่ทหารในหน่วยไม่มีใครกล้าคุย ส่วนใหญ่จะได้กำลังใจจากครอบครัวเท่านั้น พร้อมเปิดเผยว่ามีผู้เสียหาย 3 คน ที่อยู่ภายในหน่วยมาปรึกษา แต่ไม่กล้าออกมาสู้เนื่องจากมีข้อจำกัด บางคนมีครอบครัวเป็นทหาร แต่โดยส่วนตัวเป็นพลเรือนจึงพร้อมต่อสู้
เมื่อถามว่า ทหารคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ได้มีการห้ามปรามหรือไม่ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ทุกคนพยายามห้ามปราม แต่ทุกคนก็กลัวผู้ก่อเหตุ
สำหรับหนังสือร้องเรียนของผู้เสียหาย ได้ขอให้ ผบ.ทบ.ตรวจสอบพฤติการณ์ล่วงละเมิดทางเพศของสิบเอก สังกัดมณฑลทหารบกที่ 17 จ.กาญจนบุรี ต่อพนักงานราชการหญิง ด้วยการบุกไปที่บ้านพักใช้กำลังปลุกปล้ำพยายามข่มขืนกระทำชำเรา และมีการต่อสู้ขัดขืนหนีรอดมาได้
จากนั้นผู้เสียหายได้ร้องเรียนให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ และทางผู้บังคับบัญชารับปากจะเรียกตัวสิบเอกคนดังกล่าวมาขอขมา และเอาผิดทางวินัย แต่ปรากฏว่าไม่มีการเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ พร้อมไปแจ้งความสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า
ในขณะที่ต้นสังกัด โดยผู้บังคับบัญชา ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้เสียหาย กรณีมีภาพหลุดของสิบเอกที่กระทำความผิด ถูกนำไปเผยแพร่ทางออนไลน์ทำให้หน่วยเสื่อมเสีย แต่ไม่ได้ตรวจสอบกรณีที่ผู้เสียหายถูกล่วงละเมิดทางเพศ จึงเข้ามาร้องเรียนกับกองทัพบก