
21 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มติคำวินิจฉัย กกต.กรณีตรวจสอบวุฒิการศึกษาของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. โดย กกต.มีมติให้ดำเนินคดีกับ "พญ.เกศกมล" ในความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งและคดีอาญา
กรณีใช้คำว่า “ศาสตราจารย์” จำนนด้วยหลักฐาน ไม่เคยทำงานในตำแหน่ง "ศาสตราจารย์" เข้าข่ายหลอกลวงผู้มาลงคะแนน ซึ่งจะมีอัตราโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี และตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี
โดยคำวินิจฉัย ส่วนหนึ่ง ระบุว่า
ฐานข้อมูลผู้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) และ คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กำหนด ประกอบกับไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีสถาบันอุดมศึกษาใดเคยขอให้ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พิจารณาดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ และจากการตรวจสอบข้อมูลมูลปรากฏว่า สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ยังไม่เคยพิจารณาเทียบคุณวุฒิการศึกษาจาn California University และ Califonia University FCE
ประกอบกับผู้ถูกร้องก็ให้ถ้อยคำว่า ไม่เคยทำงาน ในตำแหน่งศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง เกศกมล เปลี่ยนสมัย ข้อเท็จจริงจึงเป็นที่ยุติว่า ผู้ถูกร้องมิได้มีตำแหน่ง
อีกทั้งพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 3 ถึงคนที่ 33 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาและเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศ ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า
ข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร (สว. 3) ซึ่งระบุว่า ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง เกศกมล เปลี่ยนสมัย มีผลจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง
ดังนั้น การที่ผู้ถูกร้องแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาว่าเป็น "ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง เกศกมล เปลี่ยนสมัย" โดยที่ผู้ถูกร้องมิได้ ดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ตามกฎหมายของประเทศไทย
จึงเป็นการหลอกลวง หรือจูงใจให้บุคลอื่นเข้าใจผิด ในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของผู้ถูกร้อง เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือก ลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง ซึ่งเป็นการทุจริตในการเลือก และทำให้การเลือกมิได้เป็นโปไปโดยสุจริตหรือเที่ยงรรม
อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2563 มาตรา 62 และมาตรา 77 (4) ฯลฯ
เปิดคำวินิจฉัยฉบับเต็ม กกต.ชี้ หมอเกศ อ้าง"ศาสตราจารย์"