รอบปีที่ผ่านมา ทีมข่าวการเมือง"เนชั่นทีวีออนไลน์" ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ สร้างความโดดเด่นทางการเมืองทั้งในพรรคร่วมรัฐบาลรวมไปถึงความสัมพันธ์กับพรรคร่วมฝ่ายค้าน
สปอตไลท์ สาดส่องมาที่ "พล.อ.ประวิตร" เป็นพิเศษโดยถูกกล่าวขานผ่านหน้าสื่อชนิดถี่ยิบ เห็นเป็นกรณีที่ "ศาลรัฐธรรมนูญ"รับคำร้องพิจารณาปมวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ครบ 8 ปี ส่งผลให้"ศาลรธน."ออกคำสั่งให้ "พล.อ.ประยุทธ์" ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว
ขณะนั้นเอง"พล.อ.ประวิตร" พี่ใหญ่แห่ง "สามป." ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีเบอร์ 1 จึงต้องทำหน้าที่ปฏิบัติราชการ "รักษาการนายกรัฐมนตรี" แม้ในเชิงการบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้มีอำนาจเต็มเหมือนนายกฯ แต่กระบวนท่าของ"ลุงป้อม"กลับแสดงบทบาทออกมาชนิดไม่แพ้ผู้ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่อย่าง"พล.อ.ประยุทธ์" ขณะเดียวกัน ยังทำให้กลุ่มก๊วน ส.ส. ฝั่ง"บิ๊กป้อม" คึกคัก เพราะเกมอยู่ในมือของพี่ใหญ่ กระชับอำนาจที่จะกำหนดทิศทางการเมือง
"บิ๊กป้อม" ด้วยวัย 77 ปี แม้ถูกเปรียบเปรยเป็นนักการเมืองระดับสว.(ผู้สูงวัย) ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านสุขภาพไม่เอื้ออำนวยต่อกิจกรรมทางการเมือง ไม่ว่าจังหวะการก้าวเดินไม่คล่องเกาะไหล่ให้ผู้ติดตามคอยประคอง แต่ในช่วงเวลา 38 วัน หรือ 1 เดือนกับอีก 8 วัน ในการทำหน้าที่"รักษาการนายกฯ" ได้พิสูจน์ตัวตน"ลุงป้อม"กลับมามีความกระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว ราวกับได้สารกระตุ้นจากคำสั่งศาลรธน.ให้"บิ๊กตู่" หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยทำหน้าที่แทน “บิ๊กตู่” ได้เป็นอย่างดี และดีเกินคาด ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และผู้แทนต่างประเทศอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีการวางกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการต่างจังหวัดต่อเนื่องลบคำสบประมาทด้วยการแสดงให้เห็นว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข ยืนหยัดอยู่ในแวดวงการเมืองได้ทุกวันนี้เพราะ "ใจบันดาลแรง มิใช่แรงบันดาลใจ"
หรือแม้แต่เมื่อไม่ได้นั่งรักษาการนายกฯ "บิ๊กป้อม" ก็ยังแข็งขันลงพื้นที่ ไม่ว่าเดินทางไปจังหวัดไหนมีประชาชนแห่มาต้อนรับให้กำลังใจอย่างเนืองแน่น เช่น ระหว่างเดินทางลงพื้นที่ จ.มุกดาหาร และ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการแก้ปัญหาน้ำแล้งและรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ ภาพที่มักจะเห็นเป็นประจำ คือประชาชนในพื้นที่ได้มาต้อนรับ "พล.อ.ประวิตร" อย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง พร้อมโดนหอมแก้มฟอดใหญ่ทำเอา "บิ๊กป้อม"ยิ้มแย้มหัวเราะชอบใจ
"พล.อ.ประวิตร" ยังถือเป็นบุคคลที่เกาะติดความเคลื่อนไหวแวดวงกีฬาที่สามารถนำมาสร้างกระแสความนิยมให้กับตนเองได้ เพราะไม่ใช่แค่ตนเองเป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ที่คอยกำหนดนโยบายการกีฬามุ่งสู่ความเป็นเลิศทางสากล แต่ทุกครั้งที่มีรายการแข่งขันของนักกีฬาทีมชาติไทยนัดสำคัญ "ลุงป้อม"ไม่ว่างเว้นที่จะโชว์การต่อสายวีดีโอคอลให้กำลังใจนักกีฬาทุกแมทช์การแข่งขัน
ไม่ว่าเป็นการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก หรือการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทย หรือแม้แต่ล่าสุดกับการโยนประเด็นใหญ่เข้ากลางวง การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท.และกสทช. ต้องจัดให้มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ให้ประชาชนชาวไทยได้ชม ก็ล้วนมาจาก "ลุงป้อม" ภูมิใจนำเสนอ สร้างสีสันต์การเมืองกับกีฬาคลุกเคล้าเข้ากันให้เป็นที่จดจำได้อย่างแนบเนียน
ในทางการเมืองเป็นที่ทราบดี "พล.อ.ประวิตร" ถือเป็นมือประสานสิบทิศ มีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองทุกพรรค รวมไปถึงแวดวงข้าราชการทหาร ตำรวจ ชั้นผู้ใหญ่ มิแปลกที่ในช่วงรัฐบาลทักษิณ"บิ๊กป้อม" ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบก แหกโผทางโค้ง "พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร" ญาติผู้พี่ทักษิณ ต้องไปนั่งเป็นผบ.สส.ด้วยเหตุผลจำเป็นบางประการ ขณะเดียวกันในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ "ลุงป้อม" ก็ยังได้รับแต่งตั้งเป็น รมว.กลาโหม จวบจนรัฐบาลคสช. ชื่อของ "บิ๊กป้อม" พี่ใหญ่แห่งสามป. ยังเป็นเหมือนเสาหลักค้ำประคองจนมาถึงรัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ในตำแหน่งรองนายกฯเคียงคู่ พี่กลาง (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ) และ น้องเล็ก (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี )
หมุดหมาย "มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด" ถือเป็นสถานที่ตั้งสำคัญในการขยายภาพ"พล.อ.ประวิตร" ให้มีความโดดเด่นทางการเมือง เพราะเป็นทั้งที่ทำงาน และเซฟเฮาส์ทางการเมือง เมื่อกล่าวถึง "มูลนิธิป่ารอย 5 จังหวัด" ภาพ ของ "พล.อ.ประวิตร" ลอยขึ้นมาทันทีต่อสถานการณ์ตัดสินใจทางการเมืองเรื่องสำคัญ ทั้งการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งความเป็นไปของกลุ่มก๊วนทางการเมืองวิ่งเข้าออกขอคำปรึกษา หรือแม้แต่พรรคการเมืองอื่นๆ ก็ยังดอดเข้าหารืออยู่เนืองๆ
"บิ๊กป้อม" จึงเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองที่อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในการกำหนดทิศทางต่อโซ่ข้อกลางสร้างความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันและอนาคต
นับตั้งแต่พ.ศ.นี้ จวบจนถึงปี 2566 บทบาท"บิ๊กป้อม" ยังคงถูกขับเน้นด้วยความเป็นผู้มากบารมีทางการทหารและทางการเมือง เป็น"พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์" และเป็นตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในยามนี้ แม้แต่"บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ น้องรักที่แยกย้ายไป"พรรครวมไทยสร้างชาติ" ยังต้องเกรงใจ
ฉะนั้นแล้ว ความเป็น "พล.อ.ประวิตร" จึงไม่ใช่แค่"ลุงป้อม"ตามแบบฉบับผู้สูงวัยคอยสร้างรอยยิ้มชวนให้ชาวบ้านหอมแก้ม มีบรรดาผู้น้อยให้ความเคารพยำเกรงเท่านั้น หากยังเป็นที่จับตามองชนิดห้ามกระพริบตา จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกผู้นำประเทศหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่
"พล.อ.ประวิตร" จึงเป็นบุคคลโดดเด่น เป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองแห่งปี 2565