
26 ตุลาคม 2565 ความคืบหน้าคดีที่ จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้ว หรือ จ่าเบิร์ด ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ภ.จว.ตรัง ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่ นายจิตกร คงจันทร์ หรือ ขาว อายุ 32 ปี คนสนิทนักการเมืองท้องถิ่นเสียชีวิต กระสุนยังไปถูกนายเอกพจน์ เพ็ชรรัตน์ หรือ ต้อม อายุ 34 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต บาดเจ็บอีก 1 ราย และยังไปถูกนักเที่ยวถูกลูกหลงเจ็บอีก 1 ราย หลังเกิดเขม่นไม่พอใจกัน เหตุเกิดภายในสถานบันเทิง ‘คันทรี่โฮม’ ตามที่ได้เสนอข่าวมาแล้วนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : “จ่าเบิร์ด” ย่องมอบตัว หลังหนีซ่อนบ้านร้างห่างที่ทำงาน 1.5 กม.
: ให้ออกจากราชการ "จ่าเบิร์ด" ยิงสนั่นกลางผับ “บิ๊กโจ๊ก” จี้ ญาติพามอบตัว
: ผบ.ตร.” สั่งสอบปม "จ่าเบิร์ด" หน่วยสวาทใช้ปืนหลวงก่อเหตุยิงนักเที่ยว
: ปิดเมืองล่า “จ่าเบิร์ด” ตร.ปืนโหด รัวยิงสนั่นกลางผับดัง หนีพร้อมอาวุธ
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 พร้อม พล.ต.ต.เชาลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผบก.ภ.จว.ตรัง และตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าว ภายหลังจากตำรวจได้รับมอบตัว จ่าเบิร์ด ที่บ้านพักตำรวจภูธรจังหวัดตรัง เมื่อช่วงเวลา 06.30 น. ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.นันทเดช กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์ ตามวันเวลาเกิดเหตุ จ่าเบิร์ด ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. ยี่ห้อกล็อค 19 หมายเลขทะเบียน RTP 23380 ตราโล่ (อาวุธปืนของทางราชการ) ยิงเข้าใส่ นายจิตรกร คงจันทร์ , นายเอกพจน์ เพชรรัตน์ , นายพิสิษฐ อภิวันทร์ภักดี เป็นเหตุให้นายจิตรกรฯ ถึงแก่ความตาย นายเอกพจน์ฯ และนายพิสิษฐฯ ได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุ จ่าเบิร์ด ได้หลบหนีโดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ถูกการ์ดของทางร้านตรวจยึดไว้ได้ โดย จ่าเบิร์ด ได้หลบหนีกลับมาที่บ้านพัก ของตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมกับนำอาวุธปืน M 4 และเสื้อเกราะอ้างว่า เพื่อป้องกันตัวหวั่นความปลอดภัย จะถูกญาติของผู้เสียชีวิต ตามมาทำอันตราย ก่อนหายตัวหลบหนีไปอยู่ภายในป่า ใกล้ห่างจากบ้านพักไปประมาณ 1.5 กม. 1 วัน 1 คืน
หลังจากนั้นในวันที่ 25 ต.ค. 65 ช่วงดึก จ่าเบิร์ด ได้เดินทางกลับมาที่บ้านพัก ตำรวจภูธรจังหวัดตรัง เพื่อพบมารดา ต่อมามารดาได้ประสานกับญาติ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 ให้ประสานไปยัง พ.ต.ต.ขวัญเจริญ ไกรทอง สว.กก.สส.ภ.จว.ตรัง ผู้บังคับบัญชา เพื่อขอเข้ามอบตัว
โดยนัดหมายมอบตัวกันที่บ้านพักของตำรวจภูธรจังหวัดตรัง วันนี้ช่วงเช้า สอบถามรับว่า ได้ก่อเหตุจริง และนำตรวจยึดอาวุธปืนยาว M 4 และกระสุนปืน พร้อมเสื้อเกราะของทางราชการ ที่นำไปซุกซ่อนไว้บริเวณหลังบ้านพัก ก่อนที่จะหลบหนีไปที่บ้านร้าง เบื้องต้นจากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหา รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยไม่มีเงื่อนไข และสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่กระทำลงไป ยอมจำนนต่อหลักฐาน และไม่ขอต่อสู้ใด ๆ ในทางคดี
ส่วนสาเหตุการลงมือ ผู้ต้องหาให้การว่า ได้ออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก ก่อนจะเดินเข้ากลับมา และได้ไปตะโดนโต๊ะของผู้ตาย จนทำให้มีปากเสียง ทะเลาะวิวาทกัน และมีการผลักตัวกัน จนทำให้เกิดบันดาลโทสะ ใช้ปืนที่พกติดตัว ก่อเหตุดังกล่าวลงไป เบื้องต้นไม่ได้ให้ประกันตัว นำส่งฟ้องอัยการฝากขังตามระเบียบกฏหมายต่อไป
ส่วนประเด็นที่ว่าผู้ต้องหาอ้างว่า พกอาวุธปืนเข้าไปภายในร้าน เพื่อปฎิบัติหน้าที่ติดตามตัวคนร้ายยาเสพติดนั้น ขณะนี้ยังคงไม่ลงลึกไปถึงขนาดนั้น แต่ทุกอย่างอยู่ในสำนวนคดีหมดแล้ว ขณะนี้ตนยังไม่ได้ดูกล้องวงจรปิดภายในร้านแต่อย่างใด แต่ก็ต้องเอาประกอบในสำนวนอยู่แล้ว และคดีนี้ให้เชื่อมั่นว่า ทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน ส่วนเพื่อนตำรวจอีกนายที่ไปด้วย ได้นำตัวไว้เป็นพยาน เนื่องจากไม่ได้ร่วมในการก่อเหตุ หรือหลบหนี เพราะหลังจากก่อเหตุแล้ว อยู่ในช่วงชุลมุน ต่างคนต่างวิ่งหนี เพราะมารถยนต์คนละคันกัน ส่วนเรื่องจากช่วยเหลือผู้เสียชีวิต ก็จะทำไปตามธรรมเนียมปฎิบัติ
เรื่องนี้ทางตำรวจเสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากตำรวจต้องดูแลความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แต่มาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ หลังจากนี้หากมีการก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนภายในร้านอาหาร ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบ นอกจากตัวผู้ก่อเหตุคือ ผกก. เจ้าของพื้นที่ โดยจะดำเนินการทางวินัย และตั้งคณะกรรมการสอบสวน เน้นมาตรการจะต้องเข้มข้นมากกว่าเดิมในการปฏิบัติ ในการใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางบรรดาญาติของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ตรัง กว่า 50 ชีวิต เพื่อมาเฝ้าดูและขอพบทาง ผบช.ภ. 9 ด้วย ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ จะให้ตัวแทนญาติของผู้เสียชีวิต เดินทางเข้าไปพบและพูดคุย ขณะที่ตัวของ ‘จ่าเบิร์ด’ ได้ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องชั้น 2 โดยที่กันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าใกล้หรือบันทึกภาพ มีตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) พร้อมอาวุธ เฝ้าปิดกั้นหน้าห้องและทางเดิน กว่า 10 นาย ทั้งนี้ในระหว่างที่มีการนำตัว ‘จ่าเบิร์ด’ เดินทางมาจาก กก.สส.ภ.จว.ตรัง ตำรวจได้นำตัวหลบหนีผู้สื่อข่าว ไม่ให้บันทึกภาพและสอบถามใด ๆ ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
ข่าว : ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม สำนักข่าวเนชั่น จ.ตรัง