5 สิงหาคม 2565 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรค ในฐานะประธานสำนักงานใหญ่พรรคชาติพัฒนา และนายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา นำ นายสมบัติ กาญจนวัฒนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เขต 3 อ.สูงเนิน และนายไกรฤกษ์ เสียนขุนทด อดีต ส.อบจ.นครราชสีมา เขต อ.ด่านขุนทด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ร่วมงานมหกรรมการเงิน Money Expo Korat 2022 พบปะกับผู้บริหารสถาบันการเงิน ธนาคาร ในการให้ความสำคัญและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการรับรู้รับทราบในด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การเข้าถึงสถาบันการเงิน เพื่อประโยชน์กับผู้ประกอบการ พ่อค้า แม่ค้า ประชาชนในท้องถิ่น
โดย นายสุวัจน์ กล่าวถึงสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 500 หรือ หาร 100 ว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามกลไกของสภาและรัฐธรรมนูญ ส่วนจะส่งผลต่อพรรคชาติพัฒนานั้น ตนอยากเห็นกติกาทุกอย่างเป็นที่ทุกฝ่ายอมรับและเป็นกติกาที่เป็นธรรม ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ถ้าเริ่มต้นทุกอย่างในบ้านเมืองด้วยกติกาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และทุกฝ่ายให้การยอมรับ บ้านเมืองก็จะเรียบร้อย การเลือกตั้งก็เหมือนกัน จะต้องเริ่มต้นด้วยกติกาการเลือกตั้งที่เป็นธรรม โปร่งใส แต่ว่าไม่ควรที่จะทำให้เกิดบรรยากาศอะไรที่ทำให้รู้สึกว่า ไม่ค่อยมีความแน่นอนหรือเป็นบรรยากาศที่มีความรู้สึกว่า คนนั้นได้เปรียบ คนนี้เสียเปรียบ
"ผมคิดว่าควรจะเป็นบรรยากาศที่ทุกคนร่วมมือกันทำให้เกิดความเป็นกลาง เป็นบรรยากาศที่อยากให้ทุกคนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ยอมรับกติกา กติกาออกมาอย่างไรก็อย่างนั้น สภาว่าอย่างไรแล้วในที่สุดศาล รัฐธรรมนูญว่าอย่างไร เราก็ต้องว่ากันอย่างนั้น อยากให้ทุกอย่างมีบรรทัดฐานที่เกิดความโปร่งใสชัดเจน อย่างในส่วนของพรรคเองถือว่า ถ้าจะเปรียบก็เหมือนเราเป็นนักกีฬา กติกาว่าอย่างไรก็เล่นตามกติกา แต่ว่ากลยุทธ์ต่างหากที่เราต้องมานั่งคิดว่า จะทำให้เราประสบความสำเร็จภายใต้กติกาที่ถูกกำหนด ที่เป็นธรรม ฉะนั้นไม่ได้เกี่ยง จะหารอะไรก็แล้วพรรคชาติพัฒนาก็พร้อมที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้งแล้วก็จะทำให้เต็มที่" นายสุวัจน์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีการมองว่าสภาอะไรก็เกิดขึ้นได้ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ก็ควรพยายามที่จะสร้างบรรทัดฐาน สร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับประชาชนว่า หวังได้ พึ่งได้ มีกฎ มีกติกา บางทีเปลี่ยนแปลงอะไรที่รวดเร็ว บางทีมันก็ก่อให้เกิดความสับสน ส่วนเรื่องการตั้งพรรคการเมืองพรรคเล็กพรรคน้อยเกิดขึ้นมากในช่วงนี้นั้น ก็เป็นสัญญาณปกติ จริงๆถ้ามองอีกมุมก็เป็นเรื่องที่ดี เหมือนกับว่าทุกคนมั่นใจในระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมั่นใจว่ามีการเลือกตั้ง ทุกคนก็เตรียมตัวกัน มั่นใจว่าเมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว จะอาสาเข้าไปทำงานให้บ้านเมืองแล้วก็ทำให้ประชาชนมีตัวเลือกมากมาย จึงเป็นเรื่องดีที่ทุกคนเปิดตัว มีการจัดตั้งพรรคใหม่ๆ
ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่คิดว่าจะดีที่สุดก็คือ 2 เรื่อง คือ 1.พรรคการเมืองจะต้องมีนโยบายที่ตรงกับปัญหาของประเทศ อย่างวันนี้ (5ส.ค.) ประชาชนเดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจ ตนคิดว่านโยบายเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และยังเป็นปัจจัยชี้ขาดในเรื่องของชัยชนะของการเลือกตั้ง และ 2.เรื่องบุคลากรที่นำเสนอก็มีความสำคัญ ถ้าเกิดพรรคการเมืองมีองค์ประกอบทั้งสองด้าน ทั้งนโยบายทั้งตัวบุคลากรที่ประชาชนยอมรับ จะประสบความสำเร็จกับการเลือกตั้งครั้งนี้
ส่วนพรรคชาติพัฒนาปักธงเปิดสาขาที่ อ.แถลง จ.ระยอง จะคัมแบ็คทั้งที่โคราช และ จ.ระยอง ได้ตั้งเป้าไว้หรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า เรื่องนี้มองว่า จ.ระยอง เป็นจังหวัดที่ดีที่ มีพื้นฐานดีทางด้านเศรษฐกิจ เป็นทั้งจังหวัดลงทุน จังวัดทางด้านอุตสาหกรรม จังหวัดทางด้านการท่องเที่ยว และก็เคยมีโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก อีสเทิร์นซีบอร์ด ที่ทำให้เขตพื้นที่ จ.ระยอง และหลายจังหวัดในย่านนั้นเป็นเขตที่มีการผลิตทางด้านอุตสาหกรรม ทางด้านการลงทุน มีการสร้าง GDP ให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาล
"ตอนนั้น พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ก็มีส่วนสำคัญในการสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นกับโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด หรือโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก แล้ววันนี้เราก็มีการต่อยอดโครงการฯดังกล่าวเป็นโครงการ EEC ซึ่งจะเน้นอุตสาหกรรมสมัยใหม่" ประธานพรรค กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า พรรคชาติพัฒนาเคยมีฐานอยู่แล้ว ถ้าเกิดต่อยอดให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ สถานการณ์เทคโนโลยี มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนภาคตะวันนอกทั้งหมด พรรคชาติพัฒนาก็เลยอยากเสนอตัวเข้าไปรับใช้ เพราะเข้าใจพื้นฐานของการพัฒนามาแต่อดีตอยู่แล้ว คิดว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าสามารถที่จะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนแล้ว ผู้สมัครของพรรคได้รับเลือกตั้งมันก็จะเป็นโอกาสที่ทำให้สามารถเข้าไปทำงานที่อีสเทิร์นซีบอร์ดเก่า ซึ่งตอนนี้เป็น EEC ไปทำเรื่องด้านท่องเที่ยว ไปทำเรื่องผลไม้ เรื่องการเกษตร เรื่องอาการ โดยเฉพาะวันนี้สถานการณ์ของโลกท่ามกลางวิกฤติก็มีโอกาส เรื่องอาหาร เรื่องตลาดผลไม้ เรื่องการท่องเที่ยว ตนถือเป็นพื้นฐานของประเทศไทย และ จ.ระยอง ก็มีพื้นฐานทางด้านนี้อยู่
"เรามีความปรารถนาดีที่อยากจะไปช่วยทำงานให้กับพี่น้องประชาชนชาว จ.ระยอง ส่วนเป็นการคัมแบ็คทั้งที่โคราชและที่ จ.ระยองนั้น ที่ จ.ระยองในอดีตเคยมีอยู่แล้วก็อยากที่จะมี และเชื่อมโยงอีสเทิร์นซีบอร์ดกับโคราชได้ดีที่สุด สมัยพล.อ.ชาติชาย ท่านบอกว่า อีสานไม่มีทางออกทางทะเล ท่านก็ตัดถนนปักธงชัย-กบินทร์บุรี ถนน 304 เปิดประตูอีสานสู่ท่าเรือน้ำลึกที่ จ.ระยอง ฉะนั้น ถ้าเราสามารถมีตัวแทนของเราอยู่ได้ทั้งที่ จ.ระยอง ด้วย และที่ภาคอีสานด้วย มันก็จะเป็นการเชื่อมโยงการทำงานในสภา หรือทำงานทางด้านบริหารให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ" นายสุวัจน์ กล่าว