ตร. ยังไม่พบคนมีสีเอี่ยวผับไฟไหม้ เร่งหาหลักฐานออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง

วันนี้ (5 ส.ค.) ที่ สภ.พลูตาหลวง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.)​ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ นายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุไฟไหม้ เมาท์เทน ผับ มีผู้เสียชีวิต 14 ราย และบาดเจ็บอีก 35 คน ว่า ขณะนี้การดำเนินการแบ่งเป็น 2 ส่วน คือการให้ความช่วยเหลือเยียวผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 

ทางจังหวัดได้เปิดศูนย์ช่วยเหลือยืนยันมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 13 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายที่โรงพยาบาล ส่วนผู้บาดเจ็บมีทั้งหมด 35 คน และการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลางเข้ามาร่วมในการตรวจพิสูจน์ นำทีมที่มีประสบการณ์และมีฝีมือมาร่วม และมีการสอบปากคำพยานไปแล้ว 30 ปาก และขณะนี้ตำรวจรู้แล้วว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง โดยจะเร่งรัดคดีให้เร็วที่สุด ส่วนตำรวจพื้นที่ต้องรับผิดชอบหรือไม่ เบื้องต้นทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว

ด้าน พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ในส่วนของเจ้าของร้านอยู่ในที่เกิดเหตุตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และได้นำตัวมาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นให้การว่า สถานบริการมีใบอนุญาตก่อสร้างเปิดเป็นร้านอาหารที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกต้อง ต่อมาได้มีการดัดแปลงทำเป็นสถานที่ปิด เพื่อเปิดเป็นสถานบริการแบบผับ ซึ่งกำลังตรวจสอบว่า มีการลักลอบเปิดตอนไหน และมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นปล่อยปละละเลยหรือเกี่ยวข้องหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้สถานบริการแห่งนี้เคยถูกดำเนินคดีเรื่องของเสียงดังไปเมื่อกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาแล้ว 

พ.ต.อ.วุฒิพงศ์ สมใจ ผู้กำกับการ สภ.พลูตาหลวง กล่าวว่า สถานบริการดังกล่าวเคยถูกดำเนินคดีเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนเรื่องการเสียงดังจริง ซึ่งตำรวจก็ไปดำเนินการเอาผิดเรื่องดังกล่าว ส่วนการลักลอบเปิดกึ่งผับนั้น ต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนเนื่องจากทราบว่า สถานบริการดังกล่าวมีใบอนุญาต แต่เรื่องการดัดแปลงเปิดเป็นผับยังไม่ทราบ แต่ยืนยันว่า จากการตรวจสอบไม่พบผู้มีอิทธิพลหรือคนมีสีเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เบื้องต้นเจ้าของร้านเข้าข่ายผิดฐานเปิดสถานบันเทิงโดยไม่ได้รับอนุญาตและความผิด พรบ.ควบคุมอาคารฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดชุดตามประกบเพื่อป้องกันการหลบหนีไว้แล้ว ส่วนที่มีรายงานว่ามีเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปี เข้าใช้บริการนั้นต้องขอตรวจสอบก่อน  

ขณะที่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยว่า ทางจัง​หวัดได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานยุติธรรมจังหวัด, ปภ.จังหวัด ประกันภัยจังหวัดและสำนักงานประกันสังคมจังหวัด รวมทั้งเทศบาลและอำเภอท้องที่ ตลอดจนภาคเอกชน โดยได้ดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการร่วมฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลพลูตาหลวง เพื่อรับแจ้งข้อมูลต่าง ๆ ในการประสานการให้ความช่วยเหลือ และรับข้อมูลในการสืบค้นเพราะยังมีบางรายไม่เจอญาติพี่น้อง เบื้องต้นจังหวัดได้มอบหมายให้รักษาราชการแทนนายอำเภอสัตหีบเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ พร้อมแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต

จากนั้น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไดลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุด้วยตนเองอีกครั้ง และครั้งนี้ พอมาดูที่เกิดเหตุ ก็ยืนยันกับนักข่าวด้วยตัวเองเลยว่า ประตูทางออกจุดเชื่อมต่อทางหนีไฟ มีการล็อกจากด้านนอก ซึ่งยังไม่เข้าใจเหตุผลของเจ้าของกิจการว่า ทำไมถึงล็อกจากด้านนอก แต่พฤติกรรมเช่นนี้เข้าข่ายความผิดประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยจะให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ออกหมายจับต่อไป

ซึ่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ยืนยันว่า เจ้าของแสดงตัวกับตำรวจแล้ว และไม่หลบหนีแน่นอน ส่วนอาคารไม่มีการทำประกันใด ๆ ทั้งสิ้น โดยหลังจากนี้จะรวบรวมหลักฐานขอหมายศาลจับกุมเจ้าของกิจการต่อไป