svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สถาบันปรีดี พนมยงค์ ประณามการประหาร 4 ผู้นำการเคลื่อนไหวปชต.ในเมียนมา

26 กรกฎาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สถาบันปรีดี พนมยงค์ ประณามการประหาร 4 ผู้นำการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ระบุ เป็นการกระทำยั่วยุให้เกิดสงครามกลางเมืองรุนแรงมากกว่าเดิม

26 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ที่ สถาบันปรีดี พนมยงค์ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ รศ.ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการบริหาร สถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้กล่าวถึงการสั่งประหารชีวิต 4 ผู้นำการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ว่า ตนรู้สึกเสียใจต่อข่าวการประหารชีวิตผู้นำที่กล้าหาญเสียสละเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย และเศร้าใจต่อการกระทำอันป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรมของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า รัฐบาลเผด็จการทหารพม่าได้ทำการประหารชีวิตนักโทษทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตย ท่ามกลางการคัดค้านอย่างรุนแรงของประชาคมโลก รวมทั้งองค์กรภาคประชาสังคมระหว่างประเทศ (โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://pridi.or.th/th/content/2022/06/1126)

สถาบันปรีดี พนมยงค์ ประณามการประหาร 4 ผู้นำการเคลื่อนไหวปชต.ในเมียนมา

 

สมเด็จฮุนเซ็น ประธานอาเซียนมีหนังสืออย่างเป็นทางการไม่ให้ประหารชีวิตวีรชนทั้ง 4 ท่าน แต่รัฐบาลเผด็จการทหารพม่าก็มิได้ใส่ใจ ฉะนั้นไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องเกรงใจต่อระบอบการปกครองอันกดขี่นี้ แม้กระทั่งรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็ยังแถลงการณ์เรียกร้องให้หาทางออกที่ดีกว่า และ เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลเผด็จการพม่ายังได้ละเมิดน่านฟ้าไทย เพื่อนำเครื่องบินทิ้งระเบิดฝ่ายต่อต้านรัฐบาลตามแนวชายแดน ตนเห็นว่ากองทัพไทยต้องทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยให้เข้มแข็งกว่านี้ รัฐบาลไทยควรพิจารณาแสดงจุดยืนให้ประชาคมโลกและอาเซียนเห็นเจตนาของไทยในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองและสงครามกลางเมืองในเมียนมา ด้วยแนวทางสันติธรรมและเรียกร้องให้รัฐบาลเผด็จการทหารพม่าคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน

 

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยควรพิจารณาเปิดรับผู้ลี้ภัยทางการเมือง เพื่อให้สามารถมีชีวิตได้อย่างปลอดภัยและพ้นจากการถูกคุกคามชีวิต นักโทษทางการเมืองทั้ง 4 ท่านไม่ได้รับการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม นอกจากนี้ยังไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามหลักกฎหมายสากล วีรบุรุษประชาธิปไตยทั้ง 4 ท่านถูกประหารด้วยวิธีการล้าหลังย้อนยุคด้วยการแขวนคอให้ขาดอากาศหายใจ เป็นการประหารชีวิตที่ขาดจิตสำนึกแห่งมนุษยธรรมอย่างยิ่ง    

 

ทางสถาบันปรีดี พนมยงค์ ขอประณามการตัดสินใจดังกล่าวว่า เป็นการกระทำยั่วยุให้เกิดสงครามกลางเมืองรุนแรงมากกว่าเดิม การกระทำอันไร้มนุษยธรรมดังกล่าว จะเพิ่มกระแสกดดันต่อรัฐบาลเผด็จการทหารเพิ่มขึ้น เป็นการกระทำปิดกั้นการเจรจาหาทางออกอย่างสันติและเส้นทางการกลับสู่ประชาธิปไตยของเมียนมา การหวังใช้โทษประหารชีวิตหยุดยั้งการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนนั้นไม่น่าจะได้ผล แต่กลับจะเพิ่มความเคลื่อนไหวและการฟื้นฟูขบวนการประชาธิปไตยในเมียนมาให้เข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม

สถาบันปรีดี พนมยงค์ ประณามการประหาร 4 ผู้นำการเคลื่อนไหวปชต.ในเมียนมา

 

กระบวนการพิจารณาคดีขาดความโปร่งใสและขาดความน่าเชื่อถือและไม่มีความยุติธรรม รัฐบาลทั่วโลกมีภาระผูกพันจะไม่ลงโทษประหารชีวิตอย่างลับๆ กรณีสั่งประหารชีวิต 4 ผู้นำประชาธิปไตย เป็นการกระทำที่สะท้อนให้เห็นว่า “รัฐบาลเผด็จการทหารพม่า” พร้อมละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง ไม่สนใจกระแสคัดค้านของประชาคมโลก พร้อมใช้ความรุนแรงต่อประชาชนที่คัดค้านการปกครองแบบเผด็จการ

รศ ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ กล่าวอีกว่า การประหารชีวิตนักโทษทางการเมือง การสังหารผู้เห็นต่างทางการเมือง เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 การยกเลิกโทษประหารชีวิตในกฎหมายของรัฐ เป็นก้าวอันมั่นคงในการจรรโลงสิทธิพื้นฐานและที่มีอยู่แต่กำเนิดในการมีชีวิตตามข้อ 3 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) ที่ว่า “ทุกคนมีสิทธิในการมีชีวิต เสรีภาพและความมั่นคงแห่งบุคคล” หลักการนี้ถูกย้ำในข้อ 6 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) ดังนี้ “มนุษย์ทุกคนมีสิทธิจะมีชีวิตมาแต่กำเนิด สิทธินี้ต้องได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมาย บุคคลจะต้องไม่ถูกทำให้เสียชีวิตโดยอำเภอใจ”

 

“การสละชีวิตเพื่อประชาธิปไตย เพื่อประชาชนชาวเมียนมา เพื่อระบอบการปกครองที่ดีกว่า เพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่ดีกว่า ของ เปียว เซยา จอ, จ่อ มิน ยู, ฮลา มะโย อัง, อัง ตูรา ซอว ถือเป็นวีรกรรมอันทรงเกียรติ เป็นแบบอย่าง เป็นแรงบันดาลใจ ให้กับการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยทั้งในภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก ความตายของวีรชนทั้งสี่ท่านจะไม่สูญเปล่าจะปลุกพลังการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในเมียนมาร์และทั่วโลกให้เดินหน้าต่อไป เพื่อสังคมสันติธรรมประชาธิปไตย และ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”  รศ ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ กล่าวในทีสุด

logoline