svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ส่องดาวเด่นศึก "อภิปรายไม่ไว้วางใจ" ภาพสะท้อนสู่จุดเปลี่ยนการเมืองไทย

"การอภิปรายไม่ไว้วางใจ" 11 รัฐมนตรี ตลอด 4 วัน 4 คืน หากติดตามลีลาการตรวจสอบขุดคุ้ยข้อมูลนำมาอภิปรายของฝ่ายค้านรวมถึงการชี้แจงของฝ่ายรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย อาจเห็นปรากฏการณ์น่าสนใจประการหนึ่งสะท้อนถึงจุดเปลี่ยนทางการเมือง

 

การประชุมสภาเพื่อพิจารณาญัตติ "อภิปรายไม่ไว้วางใจ"รัฐมนตรีตลอดสี่วันสี่คืนที่ผ่านมา นอกจากเป็นที่ทราบกันดีว่า นี่เป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายตามวาระการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว

 

ยังเป็นการทำหน้าที่ของ"ฝ่ายนิติบัญญัติ"โดยเฉพาะ"ฝ่ายค้าน"ในการขุดคุ้ยหาข้อมูลนำมาอภิปรายให้ดีที่สุด เพราะคือโอกาสนาทีทองของฝ่ายการเมืองในการสร้างตัวตนให้สาธารณะได้ประจักษ์ถึงการทำหน้าที่สมกับเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยในช่วงเวลาสุดท้ายของอายุรัฐสภาก่อนที่จะลงสู่สนามเลือกตั้งกันใหม่ในปีหน้าอีกด้วย  

 

 "ปกรณ์วุฒิ  อุดมพิพัฒน์สกุล" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

 

การทำหน้าที่ของ"ฝ่ายบริหาร" คือ บรรดารัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย และสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างๆ จึงทำให้เห็นทั้งภาพเดิมๆ และภาพใหม่ๆ สลับสับเปลี่ยนกันไป

 

ที่น่าสนใจอีกประการ เหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีทั้งกลุ่มคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ได้แสดงความเห็น อภิปรายหักล้างข้อมูล เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาตัดสินใจได้ว่า คนเหล่านี้มีความน่าเชื่อถือสมกับเป็นตัวแทนประชาชนหรือไม่ สมกับความหวังในการเข้าไปทำหน้าที่ในสภาหรือไม่ 

 

แน่นอนภาพเดิมๆ ของส.ส.เดิมๆ ในการใช้สิทธิอภิปรายไม่วางใจ" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม  ยังคงหนีไม่พ้น การกล่าวหาเป็นผู้นำปฏิวัติยึดอำนาจ  หรือแม้แต่เป็นข้อกล่าวหาที่โจมตีมาตลอดสามครั้งก็ยังมาปรากฏในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่สี่  ดังตัวอย่างกรณี ข้อพิพาทเหมืองทองอัครา  หรือ กรณีโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำสวนกระแสภาวะทางเศรษฐกิจ ที่มีการนำเสนอผ่านทางสื่อมวลชนมาตลอดเวลาหลายปี เป็นต้น

 

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม

 

ดูจะไม่แปลก จากข้อกล่าวหาที่พูดกันไปพูดกันมา ตลอดสามครั้ง จึงกลับกลายเป็นเรื่องขำขัน สร้างมุกฮาในที่ประชุมไปโดยปริยาย ดังเห็นจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯ ลุกขึ้นตอบข้อกล่าวหาการปฏิวัติรัฐประหารว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้อง พร้อมชี้นิ้วไปที่คนนั่งอยู่ข้างๆ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกับยืดอกยกมือใบหน้ายิ้มแย้มให้สื่อมวลชนได้บันทึกภาพกันเลยทีเดียว 

 

แม้คนการเมืองรุ่นเก่า จะมองว่าเป็นภาพคุ้นเคยชินตา สร้างอารมณ์ขัน แต่ในสายตาต่างประเทศมองตรงข้าม ประจักษ์ชัดผ่านสื่อต่างประเทศนำภาพสอง ป. ในที่ประชุมสภาฯไปนำเสนอพาดหัวข่าว 

 

ส่องดาวเด่นศึก "อภิปรายไม่ไว้วางใจ" ภาพสะท้อนสู่จุดเปลี่ยนการเมืองไทย

 

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นเพียงแค่หนึ่งในอีกหลายตัวอย่าง ของการอภิปรายเกี่ยวกับพฤติกรรมเดิมที่ถูกถ่ายทอดผ่าน "ส.ส.ฝ่ายค้าน"โดยเฉพาะส่วนใหญ่จะเป็นเหล่าผู้แทนรุ่นเก่า

 

ขณะเดียวกัน ลีลาการอภิปรายที่ดูจะเป็นภาพสะท้อนความใหม่อยู่บ้างแม้เป็นเรื่องเดิม มีตัวอย่างเกิดขึ้นเช่นกัน  เช่นการอภิปรายไม่วางใจ นายศักดิ์สยาม  ชิดชอบ  รมว.คมนาคม  แม้ทำให้เห็นว่า บรรดานักตรวจสอบ ยังคงผูกขาดข้อกล่าวหาค้างปีชนิดเดากันออกตั้งแต่ก่อนยื่นญัตติอภิปรายไม้ไว้วางใจแล้ว ดังเช่น การอภิปรายประเด็นทวงคืนที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)  บริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่เป็นเรื่องราวมหากาพย์ชนักติดหลังรมว.คมนาคม  

 

"นายปกรณ์วุฒิ  อุดมพิพัฒน์สกุล" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

 

หากแต่การขุดคุ้ยเรื่องเก่านำมาปัดฝุ่นสร้างประเด็นให้ชวนสนใจเป็นอีกปรากฎการณ์ที่ทำได้อย่างน่าทึ่งเหมือนกัน ผ่านกลุ่มส.ส.ฝ่ายค้านที่มีการอภิปรายโยงใยกรณีที่ดินเขากระโดงไปสู่สายสัมพันธ์คนใกล้ชิดรัฐมนตรีเข้ามาซื้อหุ้น บริษัทบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น จนมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ มีการซุกหุ้นหรือไม่  ไม่แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.หรือไม่ 

 

ข้อสงสัยเหล่านี้ เกิดขึ้นจาก ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อหน้าใหม่ จากพรรคก้าวไกลชื่อ "ปกรณ์วุฒิ  อุดมพิพัฒน์สกุล"  ด้วยการนำข้อมูลมาจัดลำดับใหม่ ชี้ให้เห็นพฤติกรรมน่าสงสัยในตัวรัฐมนตรี จนทำให้สาธารณะต้องหันขวับมาติดตาม แตกต่างจากประเด็นอื่น  

 

มองลึกเข้าไปอีก "ปกรณ์วุฒิ" ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่โดยแท้  สืบจากประวัติ เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2524  การศึกษา เศรษฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ก่อนที่จะเข้าสู่วงการทางการเมือง เคยเป็นศิลปินมือเบสวงดนตรีชื่อดังมาก่อน และยังทำธุรกิจ สนใจเรื่องหุ้น ตามที่เขาได้ร่ำเรียนมา เมื่อมาถึงตรงนี้คงต้องร้องอ๋อ ทำไมถึงสามารถอภิปรายปมการซื้อขายหุ้นของศักดิ์สยามกับเพื่อนสนิท ได้อย่างคล่องแคล่วเข้าใจง่าย   

 

"ปกรณ์วุฒิ" ตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเพราะความที่มีเคมีตรงกับคนรุ่นใหม่ในพรรคอนาคตใหม่  ก่อนที่พรรคจะถูกยุบจึงย้ายมาเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลนั่นเอง  

 

ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล

 

การอภิปรายไม่ไว้วางใจของคนรุ่นใหม่ที่มีต่อ"ศักดิ์สยาม"  ไม่ใช่รัฐมนตรีรายแรก ก่อนหน้านี้ เขาเคยทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส เกี่ยวกับการปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐล้วงข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยไม่มีหมายศาล ในเดือนกันยายน ปี 2564  ก่อนมาถูกจับตามองอีกครั้งในการอภิปราย "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ " รมว.คมนาคม ในการอภิปรายครั้งนี้ 

 

นี่อาจเป็นภาพสะท้อนของนักการเมืองรุ่นใหม่กับการเมืองที่หลายคนมองว่ายังเป็นการเมืองไทยแบบเก่าๆ  แต่กับการที่คนรุ่นใหม่เริ่มเข้ามาเติมเต็มในสภาอันทรงเกียรติมากขึ้นเรื่อยๆ  

 

หวังว่าการเมืองไทย อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีได้บ้างในไม่ช้า