คณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาและวิเคราะห์กรณีการรวมธุรกิจของทรูและดีแทคที่มีนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการกสทช.และรักษาการเลขาธิการหลังจากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีมติลงวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อแต่งตั้งอนุกรรมการเพื่อศึกษาและวิเคราะห์กรณีการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค จำนวน 4 คณะ ประกอบด้วย
1. อนุกรรมการด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิพลเมือง
2. อนุกรรมการด้านกฎหมาย
3. อนุกรรมการด้านเทคโนโลยี
และ 4. อนุกรรมการด้านเศรษฐศาสตร์
ซึ่งมีกรอบเวลาให้หาข้อสรุปเพื่อทำรายงานเสนอมายังบอร์ด กสทช.เพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะ"อนุญาต" หรือ" ไม่อนุญาต" ให้ดำเนินการหรือไม่
โดยล่าสุดหลังจากที่อนุกรรมการได้ประชุมกันในชั้นของตัวเองเป็นเวลากว่า 2 เดือน ผลสรุปที่เสนอส่งเป็นรายงานให้แก่คณะทำงานประสานงานกสทช.นั้น
ผลปรากฏว่า อนุกรรมการทั้ง 4 คณะลงมติ 3:1 ไม่เห็นด้วยกับการรวมธุรกิจดังกล่าว โดย 3 อนุกรรมการที่คัดค้านประกอบด้วย อนุกรรมการด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิพลเมือง อนุกรรมการด้านเศรษฐศาสตร์ และอนุกรรมการด้านเทคโนโลยี ส่วนอนุกรรมการ 1 เสียงที่เห็นด้วยกับการรวมธุรกิจคือ อนุกรรมการด้านกฎหมาย ทั้งนี้ อนุกรรมการที่คัดค้านเพราะระบุว่า ดีลนี้จะกระทบต่อตลาดโดยรวมทั้งเศรษฐกิจสังคม และทำให้ผู้บริโภคหมดทางเลือกต้องรับกรรมที่ต้องใช้ค่าบริการแพงขึ้น
แหล่งข่าวจากอนุกรรมการ กล่าวว่า อนุกรรมการทั้ง 4 ชุดประชุมแยกกันและบางชุดเพิ่งประชุมเสร็จเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2565 โดยได้ทำรายงานส่งไปแล้ว แต่ขณะนี้มีความกังวลว่า สำนักงาน กสทช.ที่เป็นผู้รวบรวมผลการศึกษาและข้อสรุปต่างๆ ของอนุกรรมการมีความพยายามแต่งถ้อยคำและบิดเบือนความเห็นของอนุกรรมการ
โดยสำนักงานกสทช.จะไฮไลท์ข้อดีของการควบรวมแล้วสรุปไปว่า อนุกรรมการฯ มีความเห็นว่า ควรอนุญาตให้ควบรวม แต่ถ้อยคำดังกล่าว เป็นสิ่งที่ผิดจากเจตนารมณ์ของอนุกรรมการทุกคน แม้จะมีมติไม่เอกฉันท์ แต่ถือว่าเสียงส่วนใหญ่ก็คัดค้านการควบรวมครั้งนี้
อีกทั้งมีข้อสังเกต ว่าการอนุมัติดังกล่าว มีความพยายามรวบรัดทำให้จบในช่วงก่อนวันหยุดยาว เพื่อให้การร้องเรียนหรือร้องค้านไม่สามารถทำได้ทันที
ทั้งนี้ หลังจากที่อนุกรรมการทั้ง 4 ชุดได้ส่งรายงานให้แก่คณะทำงานฯ ชุดของนายไตรรัตน์แล้ว คาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด กสทช.ภายในสัปดาห์หน้าราววันที่ 26-27 ก.ค.นี้ โดยจะเป็นไปตามกรอบเวลาที่บอร์ดได้ให้สำนักงานกสทช.และคณะทำงานฯไปดำเนินการ โดยตามเดิมต้องแล้วเสร็จภายใน 60 วันหลังจากบอร์ดมีมติไปเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2565 แต่ทางสำนักงาน กสทช.อ้างว่ารายงานของอนุกรรมการทั้ง 4 ชุดมีจำนวนมากจึงต้องรวบรวม บอร์ดจึงต่อเวลาให้อีก 15 วัน โดยจะครบกำหนดวันที่ 27 ก.ค.นี้
ดังนั้น บอร์ดจึงลงมติในวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อแต่งตั้งคณะทำงานฯ ชุดนายไตรรัตน์ขึ้นมาโดยเฉพาะ 1 ชุด เพื่อประสานงานกับอนุกรรมการทั้ง 4 ชุด และยังได้แต่งตั้งคณะทำงานที่จะมากำหนดมาตราเฉพาะเพื่อป้องกันผลกระทบกรณีการรวมธุรกิจด้วย
นอกจากนี้ ในเวลาถัดมาไม่นาน เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการกสทช.และรักษาการเลขาธิการกสทช. ได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางกำหนดมาตรการเฉพาะเพื่อป้องกันผลกระทบจากกรณีการรวมธุรกิจ แสดงว่า สำนักงานฯ อาจจะมีเจตนารมณ์ให้เกิดการอนุมัติควบรวมแบบมีเงื่อนไขหรือไม่
ประเด็นนี้ต้องจับตาดูให้ดีเพราะกรอบเวลาหลาย ๆ อย่างจะมาบรรจบกันในช่วงสัปดาห์หน้าดังกล่าว โดยจะเป็นเวลาเดียวกับที่บอร์ดกสทช.จะเปิดแถลงข่าวครบ 5 คนครั้งแรกหลังทำงานมาครบ 3 เดือน และจะครบเดดไลน์ที่สำนักงานกสทช.จะต้องส่งการบ้านให้กับบอร์ดกสทช.ด้วย ว่าจะเอาอย่างไรก็ดีลการควบรวมของทรูและดีแทคในครั้งนี้