svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ก้าวไกล"แฉ"ศักดิ์สยาม"ซุกหุ้น! ใช้นอมินีเอาบริษัทรับงานก.คมนาคม

19 กรกฎาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจระอุ "ปกรณ์วุฒิ"แฉ"ศักดิ์สยาม"แจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จ ซุกหุ้นบริษัทของตัวเองก่อนขึ้นเป็นรัฐมนตรี โดยใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี นำบริษัทรับงานกระทรวงคมนาคม

 

19 กรกฎาคม 2565 นายปกรณ์วุฒิ   อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กรณีปกปิดทรัพย์สินของตัวเองในส่วนที่เป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี และจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายเพื่อให้ตนเองมีส่วนได้รับผลประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐ

 

"ก้าวไกล"แฉ"ศักดิ์สยาม"ซุกหุ้น! ใช้นอมินีเอาบริษัทรับงานก.คมนาคม

 

ในการอภิปราย นายปกรณ์วุฒิ มีการไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ ว่า บุรีเจริญ ก่อตั้งในปี 2539 โดยมี ตระกูลชิดชอบ ถือหุ้น 80% และที่ตั้งสำนักงานก็คือบ้านของ นายศักดิ์สยาม ในขณะนั้น เมื่อมีตำแหน่งทางการเมือง ก็ออกจากการเป็นผู้ถือหุ้น หจก. นี้ทั้งหมด และย้ายสำนักงานไปที่อื่น พอยุค คสช. ก็กลับมาเป็นผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมดของ บุรีเจริญ ในปี 2558 โดยเพิ่มทุนเป็น 120 ล้านบาท และย้ายที่ตั้งสำนักงานมาที่บ้านหลังใหม่ของตัวเอง

 

จนเมื่อปี 2561 ที่มีข่าวการเลือกตั้ง นายศักดิ์สยาม ก็โอนหุ้นทั้งหมดไปให้นอมินีในวันรุ่งขึ้นทันที และย้ายที่ตั้งสำนักงานบุรีเจริญ ออกจากบ้านของตัวเอง ก่อนรับตำแหน่งรัฐมนตรีเพียง 23 วัน
 

 

อย่างไรก็ตาม อยากตั้งคำถามต่อว่า นี่เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อคนถือหุ้นให้ลูกจ้างมาเป็นนอมินี หรือมีการซื้อขายหุ้นจริง เพราะไม่พบหลักฐานว่ามีการชำระเงินค่าหุ้น หากมีการซื้อขายกันจริง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายต่ำกว่า สูงกว่าราคาทุนที่ 120 ล้านบาท นายศักดิ์สยาม หรือผู้ถือหุ้นคนใหม่ ก็จำเป็นต้องยื่นมูลค่าหุ้นส่วนเกินเป็นรายได้เพื่อเสียภาษี หรือหากซื้อขายเท่าราคาทุน นายศักดิ์สยาม ก็ต้องระบุเงินที่ได้จากการขายหุ้นเป็นทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. แต่ก็ไม่ปรากฏเงินก้อนนี้ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่น ป.ป.ช. ในปี 2562

 

"ในปี 62 ท่านยื่นทรัพย์สินในการเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. ว่ามีทรัพย์สินอยู่ที่ 115 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน มีเงินสดบวกเงินฝากอยู่ประมาณ 76 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่นๆ เกือบทั้งหมดระบุว่าได้มาก่อนปี 61 แทบทั้งสิ้น คำถาม คือ เงิน 120 ล้านบาทก้อนนี้หายไปไหน" นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นอกจากจะซุกหุ้นแล้ว นายศักดิ์สยาม ยังนำ หจก. บุรีเจริญ มาเป็นคู่สัญญากับรัฐ รับงานในกระทรวงคมนาคมที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรี เป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยหลายงานก็มีความผิดปกติ คือ ราคาที่ชนะประมูลต่ำกว่าราคากลางเฉลี่ยไม่ถึง 0.3% และมีคู่เทียบเพียงรายเดียว ซึ่งเป็นบริษัทที่บริจาคเงินให้พรรคภูมิใจไทย 5 ล้านบาทในปี 2562

 

"แบบนี้เอาไปให้ใครดู เขาก็ว่าฮั้ว ชัดขนาดนี้ เอาธุรกิจตัวเองเข้ามารับงานกระทรวงที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรีก็ว่าผิดแล้ว ยังมีพฤติกรรมที่เป็นการฮั้วประมูลอย่างชัดเจน นอมินี ผู้ถือหุ้นบริษัทร้อยล้าน แต่มีรายได้เดือนละ 9,000 บาท ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า นอมินีคนนี้แจ้งข้อมูลรายได้น้อยมากจนน่าสงสัย ทั้งที่เขาสามารถซื้อต่อที่ดินในพื้นที่พิพาทเขากระโดง ต่อจาก บิดาของ นายศักดิ์สยาม และซื้อหุ้น หจก. บุรีเจริญ ทั้งหมดมาจาก นายศักดิ์สยาม ได้" ปกรณ์วุฒิ กล่าว

 

"ก้าวไกล"แฉ"ศักดิ์สยาม"ซุกหุ้น! ใช้นอมินีเอาบริษัทรับงานก.คมนาคม

 

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คนนี้เป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการในธุรกิจ 4 แห่ง แต่มีสถานะทิ้งร้างไป 3 แห่ง ส่วนอีกแห่งที่เหลือไม่มีรายได้เลยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และข้อมูลจากประกันสังคมและกรมสรรพากรในช่วงปี 2558-2563 ยังพบว่า แสดงรายได้เพียงปีละประมาณ 100,000 บาท หรือเดือนละ 9,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นเงินเดือนที่ได้รับจาก บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) ธุรกิจครอบครัวของตระกูลชิดชอบ มาตั้งแต่ปี 2558 ไล่เลี่ยกับช่วงที่ นายศักดิ์สยาม เป็นกรรมการบริษัท ศิลาชัย

 

นอกจากนี้ งบดุลของบริษัทศิลาชัยในปี 2561-2562 ยังระบุว่า ลูกจ้างคนนี้กลายมาเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ระยะยาว 221.5 ล้านบาทของบริษัท จนปี 2564 สรุปสุดท้าย บริษัทนี้เป็นหนี้ลูกจ้างอยู่ 250.2 ล้านบาท และในขณะที่บริษัทศิลาชัยจะขาดทุน และติดหนี้ก้อนโตกับคนนี้ ในปี 2562 บริษัทศิลาชัย ยังบริจาคให้พรรคภูมิใจไทยไป 4.7 ล้าน ก็บริจาคให้พรรคไปอีก 2.77 ล้านบาท พร้อมกับให้ หจก.บุรีเจริญ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ บริจาคให้พรรคไป 4.8 ล้านบาท และในปี 2563-2564 ยังให้บริษัท ศิลาชัย กู้เพิ่มอีก 100 กว่าล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นการกู้เงินไม่มีสัญญา ไม่คิดดอกเบี้ยใดๆ

 

"ถ้าเราลองเปลี่ยนชื่อ พฤติการณ์นี้ทั้งหมดจาก นายเอ เป็น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และบริษัทศิลาชัยเป็นเหมือนกงสี ทุกอย่างก็ดูเรียบง่าย ตัวเลขกำไรขาดทุนก็อาจไม่สำคัญมากนัก ถึงบริษัทจะขาดทุนและเป็นหนี้อยู่เป็นร้อยล้าน แต่ก็เป็นหนี้คนในครอบครัว เอาเงินไปบริจาคให้พรรคการเมืองตัวเองก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลกอะไร" ปกรณ์วุฒิ กล่าว

logoline