16 กรกฎาคม 2565 การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ โอมิครอน BA.5 ยังคงต้องติดตามความรุนแรงว่าลดลงกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้หรือไม่ เนื่องจากยังมีจำนวนผู้ติดเชื่ออย่างตอเนื่อง แต่ตัวเลขอัตราการเข้าโรงพยาบาลลดลง ล่าสุด รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด -19 ในประเทศไทย ว่า..
จากรายงานของศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด 19 หรือ ศบค. ที่รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเข้ารักษาในรพ.ราวหมื่นคน ปอดอักเสบประมาณ 800 ราย ส่วนยอดผู้ติดเชื้อรักษาแล้วดูแลตัวเองที่บ้านคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-5 หมื่นราย ซึ่งสัดส่วนที่เป็นปอดอักเสบถือว่าค่อนข้างน้อย ประมาณ 8% ของคนที่เข้ารพ.
ถ้าเทียบกับสมัยการระบาดของโควิด สายพันธุ์เดลตา จะพบผู้ป่วยปอดอักเสบประมาณ 30-40% ดังนั้นการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนล่าสุดถือว่าทำให้มีสัดส่วนผู้ป่วยปอดอกเสบน้อยกว่าเดลตาประมาณ 5 เท่า
“ แต่ถ้าเทียบความรุนแรงของภาวะปอดอักเสบแล้วนั้นไม่แตกต่างกัน ระหว่างสายพันธุ์ โอมิครอน และ เดลตา แต่สายพันธุ์โอมิครอนรอบนี้ คนที่ปอดอักเสบส่วนใหญ่เป็นคนที่มีสุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เป็นกลุ่ม 608 และกว่าครึ่งหนึ่งไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิดด้วยเหตุผลต่างๆ และอีกประมาณครึ่งหนึ่งอาจจะได้รับวัคซีน 1 เข็มบ้าง 2 เข็มบ้าง ที่รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมีน้อยมาก”
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ จึงขอให้ประชาชนไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นให้มากเพียงพอเพื่อป้องกันการป่วยหนัก เสียชีวิต
ล่าสุด ศบค. เผยข้อมูลสถานการณ์โรคโควิด-19 วันที่ 16 ก.ค.2565 พบผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 2,025 ราย โดยผลตรวจ PCR และ ATK ที่เข้าระบบ โดยเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,023 ราย ไม่พบติดเชื้อจากต่างประเทศในวันนี้ ขณะที่ตัวเลขหายป่วย 2,181 ราย โดยผู้ป่วยอาการหนัก 785 ราย ส่วนผู้เสียชีวิต 20 ราย
ขณะที่ กรมควบคุมโรค เผยข้อมูลสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. ถึงวันที่ 15 ก.ค. 2565 โดยผู้ป่วยปอดอักเสบ ข้อมูลวันที่ 2 ก.ค.พบ 675 รายเพิ่มสูงขึ้นเป็น 789 รายในวันที่ 15 ก.ค. ขณะที่ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้นเช่นกัน จาก 290 ราย เป็น 348 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 14 วัน พบ 17 ราย เป็น 21 ราย ส่วนใหญ่กลุ่ม 608 และไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ได้รับวัคซีนโควิดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2564- 14 ก.ค.2565 จำนวน 140,651,239 โดส โดยแบ่งเป็น
อย่างไรก็ตาม หากคิดสัดส่วนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็ม 3 ขึ้นไป ยังพบเพียง 43.5% เท่านั้น