กะเทาะ 3 นัยการเมือง"ผู้กองธรรมนัส"บอกลารัฐบาล
เป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์สำคัญทางการเมือง ภายหลังปิดหีบหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปาง ออกมาในช่วงค่ำ 10 ก.ค. โดยพรรคเสรีรวมไทย สามารถเอาชนะพรรคเศรษฐกิจไทย ที่มี "ผู้กองธรรมนัส" เป็นหัวเรือใหญ่ ไปแบบขาดลอย
โดย ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มองว่า การที่ผู้กองธรรมนัส ให้มือซ้ายมือขวา คือ "บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์" และ "ไผ่ ลิกค์" ยื่นหนังสือลาออกจากวิปรัฐบาล มีนัยทางการเมือง 3 ประเด็น
1.ต้องการกลบข่าวการพ่ายแพ้เลือกตั้งซ่อมที่จ.ลำปาง โดยสร้างเรื่องใหญ่ขึ้นมาทดแทน เพราะไม่เช่นนั้น การพ่ายแพ้ที่จ.ลำปาง จะถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อกระแสของพรรคเศรษฐกิจไทย ด้วยเหตุนี้ การให้มือซ้ายมือขวาลาออก จึงเป็นการเบี่ยงประเด็นให้เกิดพื้นที่ข่าวใหม่ในหน้าสื่อ
2.เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ชี้ให้สังคมและคนในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งไม่ค่อยนิยมรัฐบาลเห็นชัดเจนไปเลยว่าพรรคเศรษฐกิจไทยไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลอีกแล้ว เวลาลงพื้นที่หาเสียงหลังจากนี้ จะได้หาเสียงง่ายและอิสระมากขึ้น
3.เป็นการข่มขวัญนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจสัปดาห์หน้านี้ ช่วงเวลาในการส่งสัญญาณถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถือว่าหวังผลสร้างหน้าข่าวทางการเมืองได้อย่างเต็มที่
ผศ.ดร.เชษฐา ยังเห็นว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมที่จ.ลำปาง ยังสรุปไม่ได้ 100% ว่ารัฐบาลถดถอยถึงขีดสุดจนเพื่อไทยจะชนะแลนด์สไลด์ตามที่ฝ่ายค้านวิเคราะห์ เนื่องจากเขตเลือกตั้งนี้ เดิมทีเป็นของพรรคเพื่อไทย เป็นของบ้านใหญ่ "จันทรสุรินทร์" แต่เลือกตั้งซ่อมหนก่อน ไม่ส่งผู้สมัครลงแทน เนื่องจากมีดีลเรื่องเลือกตั้งท้องถิ่นกับรัฐบาล
"ฉะนั้นการเลือกตั้งซ่อมอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จึงไม่มีดีลการเมืองเดิมอยู่แล้ว คะแนนจึงเหวี่ยงกลับมาที่ฝ่ายค้าน เนื่องจากเป็นพื้นที่เดิมของเพื่อไทย ซึ่งพื้นที่นี้ถ้าไม่มี "ดีลพิเศษ" พรรคพลังประชารัฐก็ไม่น่าจะชนะในการเลือกตั้งซ่อมหนก่อนอยู่แล้ว"