วันนี้ (10 ก.ค.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงตัวอย่างในการ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีว่า มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง โดยผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รวมถึงนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กรณีกรมศุลกากรที่มีหน้าที่เก็บภาษีและมีด่านตรวจเก็บภาษีทั่วประเทศ ซึ่งมีการติดตั้งกล้อง CCTV ตามด่านทั่วประเทศ เพื่อตรวจจับว่าของหนีภาษี
โดยกรมศุลกากรได้มีการของบประมาณ 670 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 63- 67 เป็นค่าบำรุงรักษา CCTV จึงตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องแปลกเพราะในเมื่อซื้อของใหม่บริษัทย่อมมีประกัน แต่ทำไมต้องเสียค่าบำรุงรักษา พร้อมถามว่าทราบได้อย่างไรว่าเครื่องจะเสีย และมีการตั้งงบประมาณล่วงหน้าเผื่ออนาคต เท่ากับว่าเป็นเงินกินฟรี
นอกจากนี้ยังมี งบประมาณค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซม เครื่องเอ็กซเรย์ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ 1,800 ล้านบาท ปี 63 - 66 ทั้งที่ด่านต่าง ๆ ทั่วประเทศ ถูกปิดช่วงการแพร่ระบาด โควิด-19 ซึ่งเป็นงบประมาณที่ไม่โปร่งใสส่อไปในทางทุจริต อีกทั้งยังมีการของบประมาณเพิ่มในระยะที่ 5 อีก 1,437 ล้านบาท รวม 3 โครงการเป็นเงิน 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่จ่ายให้กับบริษัทเดียวกันกับบริษัทที่ขายเรือดำน้ำ
พร้อมเปิดเผยสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง เครื่องเอ็กซเรย์ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ 1,800 ล้านบาท ระหว่างกรมศุลกากรกับบริษัท "เอเอ.นุ๊กเทค จำกัด " ซึ่งมี "นายชินะวัฒน์ อำนวยพล" เป็นผู้รับมอบอำนาจ ซึ่งเป็นนามสกุลที่เชื่อมโยงกับบริษัทที่ขายเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ให้ อีกทั้งเครื่องเอ็กซเรย์ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ยังมาจากประเทศจีน ซึ่งนายชินะวัฒน์ มีความเชื่อมโยง กลับนายอาณัติ อำนวยพล ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทณัฐพล จำกัด ที่ทำสัญญา กับบริษัท CSOC ในการขายเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ให้กับไทย
และนามสกุลอำนวยพล ยังเป็นหนึ่งในผู้ที่บริจาคเงินให้กับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส และ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องรับผิดชอบ เพราะสัญญาเหล่านี้ผ่าน ครม. พร้อมขอให้ติดตามการอภิปรายจริง และอย่ามาบอกว่าฝ่ายค้านเล่นแรง เพราะครั้งนี้เป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย เล่นเบาไม่ได้ต้องมีการได้เสียเกิดขึ้น มั่นใจว่าหลักฐานครั้งนี้จะน็อก พล.อ.ประยุทธ์ ได้แน่นอน