ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ดารณี แซ่จู ระบุ การอ่อนค่าของเงินบาทเกิดจากปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลก สะท้อนจากค่าเงินดอลลาร์เป็นหลัก ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้อ่อนค่า 11% ทำให้สกุลเงินต่าง ๆ อ่อนค่าตามไปด้วย โดยบาทไทยทะลุ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 1-2 วันก่อน ส่วนวันนี้เริ่มลงอยู่ในระดับกลาง ๆ ของสกุลเงินภูมิภาคอยู่ที่ 7% แล้ว แม้บาทอ่อนค่ากระทบการนำเข้าลดลง แต่ทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้น ช่วยปรับเศรษฐกิจโดยรวมให้กลับมาสมดุล
ทั้งนี้ ธปท. ไม่สามารถเข้าไปกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพื่อป้องกันความเสี่ยงในระยะยาว โดย ธปท.ได้ติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด และพร้อมเข้าดูแลเมื่อความผันผวนมากผิดปกติ
สำหรับเงินทุนเคลื่อนย้ายขณะนี้ยังเป็นบวกเกือบแสนล้านบาท เงินสำรองระหว่างประเทศมีจำนวนสูง คิดเป็น 52% ต่อจีดีพี ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดปีนี้คาด -8% แต่จะปรับขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. ได้ส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่าจะขึ้นดอกเบี้ย เพื่อป้องกันเงินเฟ้อ ที่เกิดจากด้านพลังงานสูงถึง 70% กรณีถูกมองว่าการปรับดอกเบี้ยช้ากว่าเมื่อเทียบกับหลายประเทศนั้น ธปท. จะต้องพิจารณาว่าในระยะปานกลางเงินเฟ้อจะกลับมาอยู่ในกรอบได้หรือไม่ จึงต้องปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป
ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยไม่ต้องขึ้นดอกเบี้ยตามเฟดทันที เพราะเศรษฐกิจมีทิศทางไม่เหมือนกัน แต่อาจนำมาเป็นส่วนช่วยในการพิจารณาได้ อย่างไรก็ตามหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ธปท. จะต้องปรับนโยบายในภาพรวมใหม่ พร้อมทั้งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการช่วยเหลือให้ตอบโจทย์ โดยเน้นช่วยกลุ่มเปราะบาง