svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

“อาคม” สั่งแบงก์ชาติจับตาใกล้ชิด ชี้“ค่าบาทอ่อน”เกิดจากปัจจัยภายนอก

06 กรกฎาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รมว.คลัง “อาคม” สั่ง แบงก์ชาติ ติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด เผยเหตุบาทอ่อนค่าหนักเกิดจากปัจจัยภายนอก ขณะเงินเฟ้อไทยพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว จ่อหารือ ก.พลังงาน หามาตรการช่วยเฉพาะกลุ่ม

6 กรกฎาคม 2565 ค่าเงินบาทอ่อนค่า แตะ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า สาเหตุของการอ่อนค่าของเงินบาทเกิดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะปัจจัยภายนอก  อาทิ ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่เงินเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น และเงินหยวนก็เริ่มแข็งขึ้นเช่นกัน ซึ่งอาจจะทำให้มีการไหลออกของเงินทุนบ้าง อย่างไรก็ตามขณะนี้ ธปท. ในฐานะผู้ดูแล ได้มีการติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดแล้ว

 

ส่วนประเด็นเงินทุนไหลออก หลังธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น อาจทำให้มีเงินทุนไหลออกนอกประเทศบ้าง แต่ในตลาดตราสารหนี้ของไทยถือว่าไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ ยังเชื่อมั่นในตลาดตราสารหนี้ของไทย ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามภาวะตลาดทุนโลก

 

“อาคม” สั่งแบงก์ชาติจับตาใกล้ชิด ชี้“ค่าบาทอ่อน”เกิดจากปัจจัยภายนอก

นายอาคม ยังกล่าวถึง “ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย ที่พุ่งสูงถึง 7.66% สูงสุดในรอบ 13 ปี ” นั้น หากเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว  ตัวเลขเงินเฟ้อของไทยยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเรื่องนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการมาดูแลเฉพาะกลุ่มแล้ว ทั้งเรื่องของราคาสินค้า และพลังงาน ทั้งนี้ยังเตรียมหารือร่วมกับกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการหามาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเพิ่ม

 

“อาคม” สั่งแบงก์ชาติจับตาใกล้ชิด ชี้“ค่าบาทอ่อน”เกิดจากปัจจัยภายนอก

ส่วนการขยายอายุมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ที่จะครบกำหนดในวันที่ 20 ก.ค.นี้นั้น ขณะนี้ยังมีเวลาพิจารณา โดยราคาน้ำมันโลกขณะนี้ก็มีทั้งสูงขึ้นและลดลง ซึ่งราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ลดลงถึง 10 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล 

 

แต่ในส่วนของไทยราคาน้ำมันจะยังไม่ลง เพราะใช้ราคาอ้างอิงจากราคาน้ำมันดิบดูไบ ขณะเดียวกันต้องดูอีกหลายปัจจัย เช่น  ต้องดูภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย

 

“อาคม” สั่งแบงก์ชาติจับตาใกล้ชิด ชี้“ค่าบาทอ่อน”เกิดจากปัจจัยภายนอก

ขอบคุณข้อมูล : ฐานเศรษฐกิจ
 

logoline