นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสืบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เปิดใจกับเนชั่นออนไลน์หลังเข้าจับกุมด.ต.ภูวเนตร หิรัญวงศ์วราดล ผบ.หมู่ ส.ทท.1 กก.1 บก.ทท.3 และ นายมนัส สุขสอง อายุ 46 ปี บริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ขณะทั้งคู่ขับรถมาตระเวน"เก็บส่วยสถานบันเทิง" โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง
นายรณรงค์ ยืนยันว่า การจับกุมดังกล่าวไม่มีใบสั่งจากใคร ตนได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการ จึงทำการล่อซื้อโดยไม่ทราบว่าผู้กระทำผิดเป็นตำรวจท่องเที่ยว ทราบขณะเข้าจับกุมเนื่องจากเห็นรถตราโล่ของทางการ ส่วนปฏิบัติการเข้าจับกุมเป็นไปตามหลักสากล ไม่เกินกว่าเหตุ หากเทียบกับต่างประเทศซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถยิงได้ทันทีหากผู้ต้องหามีอาวุธ พร้อมยืนยันว่า การจับกุมในครั้งนี้ไม่มีการใช้อาวุธปืนยิงแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้รู้ตัว “นายใหญ่” ผู้บงการแล้ว คาดว่าจะจับกุมได้ภายในเร็ววันนี้
ส่วนกรณีกระแสในโลกโซเชียลที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รัฐจับกันเสียเองและเป็นเรื่อง “ส่วย” จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของตำรวจหรือไม่ นายรณรงค์ มองว่า ไม่เกี่ยวกันเนื่องจากเป็นความผิดส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับองค์กร โดยที่ผ่านมาทางชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง เคยจับส่วยแต่ไม่เคยจับกุมเฉพาะหน้าเหมือนในครั้งนี้ ซึ่งโดยปกติลักษณะงานจะทำงานเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ต้องได้รับการร้องเรียนจากประชาชน จึงออกปฏิบัติการเฉพาะกิจ ซึ่งสามารถร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมแต่ละจังหวัดได้