7 กรกฎาคม 2565 โควิด-19 โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ขณะการรักษาโควิด-19 ได้มีการปรับเปลี่ยนตามมาตรการของ ศบค. และนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินหน้ารองรับการเข้าสู่โรคประจำถิ่นอย่างปลอดภัย โดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ปรับปรุง “สิทธิบัตรทอง” รักษาโควิด-19 ตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2565 กรณีมีอาการเข้าข่ายติดเชื้อโควิดต้องปฏิบัติ ดังนี้
กรณี ประชาชนที่มีอาการป่วยและสงสัยว่าจะติดโควิด-19 สามารถขอรับ Antigen Test kit หรือ ATK ตรวจอาการได้ฟรี โดยต้องเป็นกลุ่มที่มีอาการตามหลักเกณฑ์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เท่านั้น
ขั้นตอนการขอรับ ATK
เมื่อ ตรวจ ATK หากขึ้น 1 ขีดไม่พบเชื้อ ไม่ติดโควิด-19 กรณีอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง หรือสัมผัสผู้ติดเชื้อ ทำการกักตัว 5+5 วัน
อย่างไรก็ตาม หากตรวจ ATK แล้วผลการตรวจขึ้น 2 ขีด แสดงว่าพบเชื้อ โควิด-19 ต้องดำเนินการดังนี้..
1. รักษาตามแนวทาง "เจอ แจก จบ" ของกระทรวงสาธารณสุข ไปที่หน่วยบริการประจำหรือหน่วยบริการปฐมภูมิตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ หรือ โทร.ประสานร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ ‘รับยา-แนะนำการใช้ยา
ร้านขายยารับเฉพาะผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง 30 บาท หรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเท่านั้น โดยมีระยะเวลาการกักตัว 7+3 วัน
2. กรณีเป็นกลุ่มเสี่ยง กลุ่ม 608 หรือมีอาการรุนแรง รับการรักษาตามดุลพินิจแพทย์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย (ไม่ว่าจะเป็นรักษาแบบผู้ป่วยใน หรือแพทย์สั่งให้รักษาที่บ้าน (Home ward) สามารถเข้ารักษาที่หน่วยบริการประจำหรือหน่วยบริการปฐมภูมิตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่
สำหรับ กลุ่ม 608 ประกอบด้วย
3. กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ หรือ กลุ่มผู้ป่วยกลุ่มสีแดง
อาการ ได้แก่ หอบเหนื่อยหนักมาก พูดไม่เป็นประโยค แน่นหน้าอก หายใจเจ็บหน้าอก ปอดอักเสบรุนแรง อ่อนเพลีย ตอบสนองช้า ไม่รู้สึกตัว มีภาวะช็อกหรือโคม่า ซึมลง ไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส ค่าออกซิเจนต่ำกว่า 94
ผู้ป่วยกลุ่มสีแดง สามารถใช้สิทธิ UCEP เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ เข้ารักษาโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่บริการสายด่วน สปสช. 1330 หรือหากมีอาการแย่ลง ต้องการประสานหาเตียงเข้ารักษาในโรงพยาบาล โดยการโทรสายด่วน สปสช. 1330 ได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจ