7 กรกฎาคม 2565 โอมิครอน BA.5 แพร่เร็ว ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ล่าสุด นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุ ถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่โรงพยาบาลราชวิถี ระบุว่า ตอนนี้ได้ให้โรงพยาบาลทุกสังกัดรายงานข้อมูลเป็นรายวันและได้กลับมาประชุมสถานการณ์โควิด-19 และการรักษาทุกสัปดาห์อีกครั้ง ซึ่งได้มีการประชุมมาก่อนหน้านี้แล้วเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อที่จะเพิ่มขึ้น โดยมี นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุม
“ ในช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ สถานการณ์โควิด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลในโรงพยาบาล สังกัดกรมการแพทย์ทุกแห่ง พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเพิ่มกว่าเท่าตัว ”
นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อคาดว่าจะสูงอย่างนี้ ไปอีก 2-4 สัปดาห์ ส่วนหนึ่งมาจากการระบาดของสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ที่มาจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว แต่ในส่วนของความรุนแรงของโรคยังไม่มีข้อมูลมากพอ ต้องติดตามสถานการณ์และรวบรวมข้อมูลอีกสักระยะ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
จากการรายงานของโรงพยาบาลราชวิถีพบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น จากเดิมที่จะมีผู้ป่วยเข้ารับบริการไม่เกิน 100 คนต่อวัน แต่ขณะนี้อยู่ที่ 200- 250 ต่อวัน เช่นเดียวกับโรงพยาบาลเลิดสิน และ โรงพยาบาลนพรัตน์ฯ ซึ่งผู้ป่วยจะถูกประเมินคัดกรองจากแพทย์ที่หน้างาน และทำการจ่ายยา กับอีกบางส่วนคือผู้ป่วยมีผลตรวจก็สามารถจองคิวผ่าน QR Code ออนไลน์ ได้เลย เพื่อมาสะดวกรวดเร็วในการมารับบริการที่คลินิก แต่หากแพทย์ประเมินแล้วผู้ป่วยติดเชื้ออยู่ในกลุ่มเสี่ยงและมีอาการหนักก็จะถูกส่งต่อเข้าห้องICU รับเป็นผู้ป่วยใน
“ ขณะนี้มีเตียง ICU ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 75 เตียง แต่หากผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในกลุ่มอาการหนักเพิ่มขึ้นก็จะพิจารณากลับมาเปิดห้อง ICU ส่วนต่อขยายให้ครบ 100 เตียง ”
ในส่วนของแนวทางการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ยังเป็นการรักษาตามสิทธิ์ โดยกลุ่มผู้ป่วยอาการสีเขียวให้เข้าระบบผู้ป่วยนอก หรือ “เจอ แจก จบ” ที่แต่ละโรงพยาบาลจะแยกวอร์ดกลุ่มผู้ป่วย อยู่ที่คลินิกทางเดินหายใจหรือคลินิก ARI
ขณะนี้ ได้มีการประชุมและสั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ทุกแห่งเปิดให้บริการคลินิก ARI รองรับผู้ติดเชื้อโควิดทุกวันไม่มีวันหยุดราชการ
ส่วนแนวทางการกลับมาพิจารณารักษาผู้ป่วยในระบบ HI นั้น นพ.สมศักดิ์ ระบุว่า โรงพยาบาลมีการปรับเปลี่ยนการรักษามาตรการต่างๆตามสถานการณ์อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังคงให้การรักษาตามสิทธิ์ ทั้งนี้ได้ฝากถึงประชาชนให้เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นอยู่ โดยขอให้พิจารณาจากการรับวัคซีนโควิดที่รับเข็มสุดท้ายให้เว้นระยะ 4 เดือน เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ยังให้มีการใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด สถานที่แออัด โดยเฉพาะเมื่อต้องเข้ามายังสถานพยาบาล รวมถึงให้ทุกโรงพยาบาลสำรวจบุคลากรทางการแพทย์ของตนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง
ขณะที่สถานการณ์ในผู้ป่วยเด็กติดเชื้อโควิด-19 นอกจากโควิด 19 แล้ว ยังพบว่าเด็กป่วยโรคทางเดินหายใจอื่นๆร่วมด้วย โดยจะพบเด็กป่วยเพิ่มขึ้นเป็นปกติในช่วงเปิดเทอมอยู่แล้ว และก็เป็นเรื่องยากที่จะบังคับให้เด็กใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะกลุ่มที่โรงเรียน แต่ส่วนใหญ่อาการในเด็กไม่หนัก
ขณะที่ “หมอธีระ” รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” เปิดเผยถึง สถานการณ์โควิดของโลกเพิ่มสูงขึ้น โดยพบโควิด สายพันธุ์ โอมิครอน BA.5 ครองการระบาดสูงสุด
ทาง WHO ได้ออกรายงานประจำสัปดาห์ WHO Weekly Epidemiological Update เมื่อวานนี้ 6 กรกฎาคม 2565 ภาพรวมทั่วโลกมีจำนวนติดเชื้อใหม่ในสัปดาห์ล่าสุด มากกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าราว 3% ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตลดลง 12%
ภูมิภาคที่มีจำนวนการติดเชื้อใหม่เพิ่มสูงมากคือ เมดิเตอเรเนียนตะวันออก 29% ตามมาด้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 20% โดยทั้งสองภูมิภาคนี้มีจำนวนการเสียชีวิตเพิ่มสูงมากเช่นกันคือ 34% และ 16% ตามลำดับ
สำหรับ โควิด โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 ข้อมูลวิชาการแพทย์จนถึงปัจจุบัน สรุปได้ดังนี้