svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตร.ไซเบอร์จับมือ กสทช.-AIS ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย

06 กรกฎาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตร.ไซเบอร์ - กสทช.-AIS ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บุกค้น 9 จุด ยึดเราเตอร์ส่งสัญญาณ 43 เครื่อง จับ 5 ผู้ต้องหา ผบช.สอท. ชี้มีการปรับตัวหลังคนรู้ทัน ส่งสัญญาณออกนอกประเทศ ก่อนสมาชิกโทรหลอกเหยื่อ กำชับเร่งขยายผล หลังรู้ตัวบงการเป็นชาวต่างชาติ

พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วย กสทช. และค่ายเครือข่ายโทรศัพท์ AIS ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 9 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือสำหรับโทรมาหลอกลวงประชาชน

 

โดย 1 ในจุดที่เข้าตรวจค้น อยู่ที่แมนชั่นแห่งหนึ่งภายในซอยบางนา-ตราด 19 ซึ่งเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ได้มาเช่าห้องภายในแมนชั่น ชั้น 2 จำนวน 2 ห้อง ภายในห้องเป็นห้องโล่งๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ แต่มีอุปกรณ์เราเตอร์ส่งสัญญาณ 4G/5G สำหรับใช้โทรศัพท์จำนวนมาก และพบผู้ต้องสงสัยอีก จำนวน 4 คน อยู่ภายในห้อง 

 

เบื้องต้นทั้ง 4 ราย ยังให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า จากการตรวจสอบประวัติการพูดคุยในโทรศัพท์มือถือ เชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้

 

ทั้งนี้จากการตรวจค้นรวมทั้ง 9 จุด เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายสุชาติ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 1 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์” ซึ่งนายสุชาติเป็นผู้ดูแล โดยได้รับค่าจ้างโอนเข้าบัญชาจากต่างประเทศ เดือนละ 20,000 บาท 

ตร.ไซเบอร์จับมือ กสทช.-AIS ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย

ขณะเดียวกันยังสามารถตรวจยึดอุปกรณ์เราเตอร์ได้รวม 43 เครื่อง แต่ละเครื่องสามารถบรรจุซิมการ์ดได้ 32 ซิม โทรได้ซิมละ 500 ครั้งต่อวัน ดังนั้น ใน 1 เดือน จะสามารถโทรได้ถึง 20 ล้านครั้ง คิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรในประเทศไทยที่จะถูกมิจฉาชีพโทรไปหลอกลวง ซึ่งตำรวจได้ตรวจยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ตรวจสอบขยายผลต่อไป

ตร.ไซเบอร์จับมือ กสทช.-AIS ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย

ด้าน พล.ต.ท.กรไชย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นการจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในไทย โดยอาศัยความร่วมมือจากระบบ AIS Report Spam และร่วมกับ กสทช. ในการหาพิกัดของเครื่องส่งสัญญาณ ซึ่งวิธีการนี้ ทำให้มิจฉาชีพในปัจจุบัน สามารถใช้เบอร์ประเทศไทย โทรศัพท์มาได้ แม้คนที่โทรจะอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยก่อนหน้านี้ที่มิจฉาชีพใช้เบอร์ +697 โทรมา แต่คนเริ่มรู้ทันไม่รับสาย จึงเปลี่ยนมาใช้วิธีนี้

 

โดยวิธีการ คือการนำซิมเบอร์โทรศัพท์ปกติใส่เข้าไปในเครื่องนี้ และส่งสัญญาณ 4G/5G โยนออกไปนอกประเทศ ให้คนที่เป็นคอลเซ็นเตอร์ที่ทำงานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านใช้โทรมาคุยกับประชาชนในไทย โดยไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ในการโทรข้ามประเทศ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบว่า ทำไมถึงมีการนำเข้าเครื่องส่งสัญญาณตัวนี้มาได้ และจะนำซิมโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้ทั้งหมด ไปตรวจสอบชื่อผู้จดทะเบียนต่อไป ซึ่งจะมีความผิดด้วย คล้ายกับบัญชีม้า

ตร.ไซเบอร์จับมือ กสทช.-AIS ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย

สำหรับเครือข่ายนี้ จากการสืบสวนพบว่า เริ่มทำมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีผู้บงการเป็นชาวต่างชาติ ตอนนี้รู้สัญชาติแล้ว อยู่ระหว่างขยายผลเพื่อจับกุม

ตร.ไซเบอร์จับมือ กสทช.-AIS ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย

ขณะที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า พฤติการณ์ของเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์นี้ จะมาเช่าห้องที่คอนโด และใช้อุปกรณ์คล้ายตัวจ่ายไฟ เป็นเราท์เตอร์สำหรับใส่ซิม และส่งสัญญาณออกไป ซึ่งเครื่องส่งสัญญาณตัวนี้ หากจะมีการนำเข้ามาใช้ ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และการลักลอบนำเข้าประเทศมา ก็ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ด้วย

 

ด้าน นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาทาง AIS พยายามมาตลอดที่จะสื่อสาร ให้ความรู้กับประชาชนในการตรวจสอบแยกแยะสายโทรศัพท์ของมิจฉาชีพ แต่มิจฉาชีพยังคงมีกลไก เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ 

ตร.ไซเบอร์จับมือ กสทช.-AIS ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย

จึงได้เปิดศูนย์ 1185 Spam Report Center ขึ้นมา โดยทำงานใกล้ชิดกับตำรวจไซเบอร์ ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสเบอร์โทรของมิจฉาชีพ ซึ่งมีประชาชนแจ้งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทีมเทคโนโลยีจึงตรวจสอบหมายเลขที่ได้รับแจ้ง และส่งต่อข้อมูลให้ตำรวจไซเบอร์และ กสทช. ขยายผล จนสามารถจับพิกัดของเครือข่ายที่เป็นแหล่งกำเนิดสัญญาณได้

logoline