svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

05 กรกฎาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ไหนๆ โลกก็มี วันจูบสากล หรือ World Kissing Day ซึ่งตรงกับวันที่ 6 ก.ค. ของทุกปี มาทำความรู้จักความสำคัญของวันนี้ และรู้จักประเภทต่างๆ ของ "จูบ" จุดกำเนิดเริ่มต้นจากสหราชอาณาจักร ก่อนจะขยายความรู้จักไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก งานนี้สายจุ๊บ ยิ่งไม่ควรพลาด !!

เดือนกรกฎาคมนี้ ก็มีวันโรแมนติกไม่แพ้วันวาเลนไทน์

..

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด?? อย่าง วันจูบโลก World Kissing Day 6 กรกฎาคม ที่สื่อความหมายมากกว่าแค่คำว่า “รัก” เพราะการจูบ กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความใกล้ชิดที่แพร่หลายไปทั่วโลก และยังเป็นวัฒนธรรมในการแสดงมิตรภาพ โดยไม่จำเป็นแค่เฉพาะคู่รัก แต่การจูบยังแสดงได้กับคนในครอบครัวและเพื่อนฝูง เช่น การจุ๊บเบาๆ ที่แก้ม เพื่อแทนคำอวยพร หรือแทนการทักทาย การใช้จูบแสดงความเคารพ หรือแม้แต่การจูบระหว่างแม่และลูกที่แม้ไม่ต้องเอ่ยคำใดด้วยเหตุนี้เองทำให้ทุก ๆ คน สามารถร่วมเฉลิมฉลองไปกับ “วันจูบโลก” ได้ 

โลกเรียกวันนี้ว่า "วันจูบสากล"

วันจูบสากล หรือ World Kissing Day ทาง องค์การสหประชาชาติ หรือ UN กำหนดให้เป็นวันจูบสากล (International Kissing Day) มาตั้งแต่ปี 1991 โดยมีที่มาจากวันจูบแห่งชาติในสหราชอาณาจักร ก่อนที่จะได้รับความนิยมไปทั่วยุโรป และกลายเป็นวันจูบสากลในที่สุด

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด?? ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด?? อะไรคือ...การจูบ

การจูบ คือการนำเอาริมฝีปากสัมผัสกับร่างกายของอีกคนหนึ่ง การแสดงการจูบในแต่ละวัฒนธรรมมีความหมายที่แตกต่างกันไป การจูบอาจเพื่อแสดงความรักหรือความใคร่ ความนับถือ การทักทายและแสดงความโชคดี การจูบในหลายวัฒนธรรมทั่วโลกโดยมากจะเป็นการแสดงความรัก ในบางวัฒนธรรมการจูบเป็นการทักทาย โดยเฉพาะประเทศในยุโรป แต่ในบางครั้งการจูบก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดประจำวัน อย่างเช่น ชนพื้นเมืองในออสเตรเลีย ชาวตาฮิติ หรือหลายเผ่าในแอฟริกา ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด?? มีการการศึกษาเรื่องการจูบ เริ่มในต้นศตวรรษที่ 20 โดยนักประวัติศาสตร์ธรรมชาติที่ชื่อ “เออร์เนสต์ ครอว์ลีย์” เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า

“การจูบเป็น การแสดงอเนกประสงค์ในชีวิตสังคมของความศิวิไลซ์ชั้นสูงกว่าของความรู้สึก ความใคร่ ความรัก (เพศ ความเป็นพ่อเป็นแม่ และความเป็นลูก) และความเคารพ”

ครอว์เลย์ ยังกล่าวว่า การสัมผัสนี้ “เป็นความรู้สึกของความเป็นแม่ และการจูบเป็นการสัมผัสและรูปแบบพิเศษของการติดต่อกันที่ใกล้ชิด”

เขาได้กล่าวอีกว่า

การจูบเป็นเรื่องแปลกใน “กลุ่มผู้ไม่เจริญกว่า” แต่กระนั้นในบรรดาผู้มีความศิวิไลซ์สูงกว่า ครวว์ลีย์เห็นความแตกต่างว่า การจูบในอียิปต์โบราณไม่เป็นที่รู้จัก แต่ก็แสดงให้เห็นดีในกรีกยุคต้น, อัสซีเรีย และอินเดีย

การจูบกันของความรักนั้น นักมานุษยวิทยาในศตวรรษที่ 19 ที่ชื่อ “เซแซร์ ลอมโบรโซ” ระบุมีต้นกำเนิดและพัฒนามาจากการจูบของมารดา ครอว์เลย์สนับสนุนมุมมองนี้โดยกล่าวว่า ในสังคมญี่ปุ่น ก่อนศตวรรษที่ 20 “เป็นสิ่งที่ไม่ตระหนักถึง ยกเว้นเพียงมารดาจูบทารกของเธอ” ขณะที่ในแอฟริกาและคนป่าเถื่อนไร้ศาสนาภรรยาหรือคนรักกันต่างก็ไม่จูบกัน อย่างไรก็ตามในวัฒนธรรมกรีกและละติน การจูบกันถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อพ่อแม่จูบลูกของเขาหรือคนรัก หรือคนแต่งงานกันแล้วต่างก็จูบกัน การจูบในสังคมตะวันตกยังมีใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาหลายอย่าง เพื่อแสดงความศักดิ์สิทธิ์

นอกจากนี้ ยังเคยมีนักมานุษยวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ ที่พยายามเอ่ยถึงทฤษฎีการจูบด้วยกันถึง 2 ทฤษฎี โดยทฤษฎีมองว่า การจูบนั้นเป็นพฤติกรรมที่พัฒนามาจากการป้อนอาหารจากแม่สู่ลูก โดยใช้ริมฝีปาก ขณะที่อีกทฤษฎี มองว่าการจูบนั้นเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่มีมาตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติแล้ว แถมยังมีข้อมูลบ่งชี้อีกว่า คนมากถึง 2 ใน 3 บนโลก มักจะเอียงคอไปด้านขวาขณะที่จูบ

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด?? การจูบช่วยอะไร/ประโยชน์ของจุ๊บๆ
 

จูบช่วยลดความเครียดและทำให้เรามีความสุข
ผลการวิจัยของ Western Journal of Communication พบว่าการแสดงความรักอย่างการจูบนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงต่อการลดระดับฮอร์โมนความเครียด และเพิ่มระดับฮอร์โมนความสงบ และหากคุณจูบกัน 20 วินาทีหรือมากกว่านั้น สมองจะหลั่งสารเคมีที่ช่วยทำให้สงบและลดระดับความเครียด


จูบลดความดันโลหิตทำให้หัวใจแข็งแรง
จูบช่วยขยายหลอดเลือด จึงช่วยลดความดันโลหิตได้ ซึ่งระหว่างการจูบจะมีสื่อประสาทที่ชื่อ เอพิเนฟรีน (Epinephrine) เดินทางเข้าไปในเลือด ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความดันโลหิตแล้ว ยังทำให้ระดับ LDL (ไขมันไม่ดี) และคลอเรสเตอรอล (Cholesterol) ลดลงได้อีกด้วย

 

จูบช่วยป้องกันฟันผุ
จูบจะไปช่วยกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำลาย ซึ่งจะไปช่วยชะล้างคราบพลัคและคราบต่าง ๆ จึงช่วยป้องกันฟันผุได้อีกทางหนึ่ง

 

จูบช่วยให้รู้สึกตื่นตัว
จูบจะไปช่วยกระตุ้นการหลั่งสารอดรีนาลีน (Adrenaline) และ อะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งนอกจากจะช่วยให้รู้สึกตื่นเต้นเนื่องจากหัวใจเต้นเร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คุณรู้สึกตื่นตัว

 

จูบช่วยเบิร์นแคลอรี่
การจูบในเวลา 1 นาที จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ 2-3 แคลอรี่ แต่ถ้าคุณจูบกันอย่างดูดดื่มเป็นพิเศษจะสามารถช่วยเผาผลาญได้ถึง 6 แคลลอรี่ และยังไปช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญหรือเมตาบอลิซึ่ม (Metabolism)

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด?? จูบบอกความหมายสื่อแทนความในใจ

จูบที่หน้าผาก
การจูบที่หน้าผาก หมายถึง การแสดงออกถึงความรักความเอาใจใส่และทะนุถนอม ต้องการแสดงออกถึงความรักและเอ็นดูที่เขามีต่อคุณ โดยคนที่จูบที่หน้าผาก หากบ่อยๆ เกินไปนั้น จะถือเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง แต่ในขณะเดียวกันก็รักสันโดษ ให้อภัยง่าย ๆ และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี

จูบริมฝีปาก
การจูบที่ปากเป็นการแสดงความรักที่ลึกซึ้ง เป็นจูบที่โรแมนติก ถวิลหา แสดงออกอย่างเปิดเผย ต้องการที่จะมอบความรัก ความจริงใจตรงไปตรงมา ความซื่อสัตย์ที่อัดแน่นให้คุณได้รับรู้


จูบที่หน้าผาก
การที่จูบหน้าผากหรือผมของคุณนั้น หมายถึง เขากำลังคิดถึงความสุขที่ได้อยู่ร่วมกับคุณ ช่วงเวลาแห่งความโรแมนติคต่าง ๆ และดีใจที่มีคุณอยู่ ปกติแล้วคนที่ชอบจุ๊บที่หน้าผากบ่อย ๆ จะเป็นคนเข้มแข็งแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
 

จูบแก้ม
ชายหนุ่มที่จูบพวงแก้มของคุณกำลังบอกความนัยว่า “ผมชอบคุณนะ” รู้สึกดีและอยากพัฒนาความสัมพันธ์ แต่ในขณะเดียวกันก้อสามารถตีความหมายได้อีกแบบ คือ คิดแบบเพื่อนสนิท ซึ่งชายหนุ่มลักษณะนี้ จะเป็นคนประเภทที่เฟรนด์ลี่คบหาเพื่อนเยอะ เป็นคนสนุกสนานร่าเริง ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเพื่อนฝูง
 

จูบที่หลังมือ
การจูบที่หลังมือ คือการที่เขาเคารพ หลงใหล น่าค้นหา และให้เกียรติคุณเป็นอย่างมาก ยกย่องและนับถือคุณ พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อคุณเสมอ
 

จูบไซ้ซอกคอ
การจูบแบบนี้เขากำลังต้องการเป็นเจ้าของคุณ และเต็มไปด้วยใจปรารถนาจนอยากปลุกเร้าให้คุณรู้สึกตอบสนองในแบบเดียวกัน แต่ถึงจะต้องการคุณมากขนาดนั้นก้อไม่ได้หมายความว่าเขาฝันจะมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับคุณเสมอไปหลอกนะ เขาอาจจะต้องการแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราวหรือต้องการให้คุณหลงรักเขาก้อเป็นได้
 

จูบปาก
การจูบปากนั้นหมายถึงหัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อคุณ ต้องการที่จะให้คุณรุ้ว่าเขารักคุณมากและต้องการคุณอย่างยิ่ง
 

จูบที่มือ
จูบแบบสุดท้ายนี้เป็นจูบของเจนเทิลแมน สุภาพบุรุษที่มีลักษณะนิสัยระมัดระวังให้เกียรติผู้หญิง ไม่ทำตัวรุ่มร่ามให้ฝ่ายหญิงสาวรำคาญใจ เป็นจูบที่บ่งบอกว่าเขาให้ความสนใจในตัวคุณ อยากรู้จักอยากค้นหา หรืออีกนัยก้อเป็นเพียงการทักทายตามมารยาทเท่านั้น แต่ช้าก่อน..ยังไม่หมดเท่านี้ ชายหนุ่มนักรักจอมเจ้าชู้ก้อมักจะใช้วิธีการแบบนี้โลดแล่นตามใจปรารถนาเช่นกัน โดยการแสร้งทำตัวเป็นเจนเทิลแมน ให้สาว ๆ น้อยใหญ่ตายใจไปกับท่วงท่าที่แสนสุภาพอ่อนโยนด้วยการบรรจงจูบเบา ๆ หลังฝ่ามืออย่างอ้อยอิ่ง เรียกได้ว่าเป็นท่าไม้ตายให้สาว ๆ ใจละลายเลยทีเดียว


จูบที่หลังมือ
การจูบที่หลังมือ คือการที่เขาเคารพ หลงใหล น่าค้นหา และให้เกียรติคุณเป็นอย่างมาก ยกย่องและนับถือคุณ พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อคุณเสมอ


จูบใบหู
ชายที่จูบใบหูของคุณกำลังสื่อความหลงใหล เย้ายวนและแฝงความต้องการอยู่ภายใน และหากเขาขบใบหูของคุณเล่น เขากำลังหมั่นเขี้ยวและหยอกเย้าคุณด้วยความเสน่หา เป็นคนประเภทที่แสดงออกทางอารมณ์ค่อนข้างชัดเจน แต่ก้อเป็นคนที่น่าคบหาเพราะเขามักจะคิดถึงคนอื่นอยู่เสมอ

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด?? ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด?? ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

...

นอกจากนี้ ในวันที่ “6 กรกฎาคม”  ยังมีความสำคัญที่เป็นบทบันทึกแห่งประวัติศาสตร์ ที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ เช่น  

วันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1957 เป็นวันที่ จอห์น เลนนอน พบกับ พอล แมคคาร์ทนี่ย์เป็นครั้งแรก ในงานของโบสถ์ โดยขณะนั้น เลนนอน มีอายุแค่ 16 และพอลอายุ 15 โดยพอลมาสมทบเล่นให้กับวง Quarrymen ของเลนนอน ตามคำแนะนำของเพื่อนคนหนึ่งในวง

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

ขอขอบคุณ ที่มาของตำนานแห่งภาพประวัติศาสตร์ครั้งนี้

ที่มาของภาพจอห์น เลนนอน

...

6 กรกฎาคม พ.ศ. 2390

เรือรบฝรั่งเศส 3 ลำ เดินทางจากสมุทรปราการมาถึงสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยานำราชทูตฝรั่งเศสเข้ามาขอเจรจาทำสัญญาทางพระราชไมตรี และการค้าในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
 

6 กรกฎาคม พ.ศ. 2418
ประกาศให้เปิดโรงเรียนทั่วราชอาณาจักร ตามวัดทั่วประเทศ มีพระและคฤหัสถ์เป็นครูอย่างน้อย5 คน เงินเดือน ๆ ละ 6 บาท สมัยนั้นไม่ทราบจำนวนวัด เมื่อ
พ.ศ. 2453 มี 13,065 วัด
พ.ศ. 2480 มี 17,650 วัด
พ.ศ. 2524 มี 31,187 วัด
พ.ศ. 2527 มีโรงเรียนประถม 30,724 โรงเรียน
เมืองไทย เริ่มการศึกษาทั่วประเทศหลังญี่ปุ่น 3 ปีเท่านั้น ญี่ปุ่นจัดการศึกษาทั่วประเทศเมื่อ พ.ศ. 2415
 

6 กรกฎาคม พ.ศ.2450
ฝรั่งเศสยอมคืนจังหวัดตราด ซึ่งยึดไป เมื่อ พ.ศ. 2446 ให้ไทย อันเป็นผลจากสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสฉบับ พ.ศ. 2449 (ร.ศ.125) โดยฝรั่งเศสยอมคืนจังหวัดตราดและเกาะต่างๆ ใต้แหลมสิงห์ลงไปถึงเกาะกูด
 

6 กรกฎาคม พ.ศ.2463
กำหนดให้ วันที่ 6 เมษายน เป็นวันชาติไทย เข้าใจว่าจะใช้สำหรับชาวต่างประเทศคือ ถือเอาวันจักรีเป็นวันชาติไทย
 

6 กรกฎาคม พ.ศ. 2475
พระเจนดุริยางค์ ได้ประพันธ์ทำนองเพลงชาติขึ้นใหม่ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะราษฎรทำนองเพลงชาตินี้ยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน

 

เหล่านี้ เป็นเพียงสาระเล็กๆ น้อยๆ ที่ทีมข่าวพอจะมีเวลาเสาะหา และหยิบยกนำเอาสาระดีๆ นำมาฝากคอข่าวชาวเนชั่นกัน ในช่วงนี้ สำหรับการรำลึกถึงวันที่ 6 กรกฎาคม หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ในการรำลึกถึง ช่วงเวลาดีๆ ช่วงเวลานาทีประวัติศาสตร์ในวันวานที่ผ่านมาอีกสักครั้ง!

ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลครั้งนี้ 

Nanitalk //  wikipedi

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : INTERNATIONAL KISSING DAY 2015national-awareness-days.com,

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

ทำความรู้จัก “จูบและประโยชน์ของจูบ” มีอะไรกันบ้าง คอข่าวไม่ควรพลาด??

logoline