เกาหลีเหนือชี้ต้นตอโควิดเป็นสิ่งแปลกปลอมจากเกาหลีใต้

สื่อทางการเกาหลีเหนือ รายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันการระบาดฉุกเฉินแห่งรัฐว่า จากผลการตรวจสอบเส้นทางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งแรกพบว่า ประชาชนบางคนจากพื้นที่อิโพรี ในเขตคุมกัง จังหวัดคังวอน เดินทางเข้าสู่กรุงเปียงยางช่วงกลางเดือน เม.ย. มีอาการไข้ และหลังจากนั้นก็มีผู้ป่วยมีไข้สูงเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้สัมผัส โดยพบกลุ่มผู้มีไข้สูงที่อิโพรีเป็นแห่งแรก

นอกจากนี้ข่าวระบุว่าทหารวัย 18 ปี และเด็กอนุบาลวัย 5 ปี ได้สัมผัสสิ่งแปลกปลอมในพื้นที่ดังกล่าว ช่วงต้นเดือน เม.ย. และพวกเขาได้รับการยืนยันผลตรวจเป็นบวกหลังมีอาการป่วย พื้นที่อิโพรีอยู่ใกล้ชายแดนเขตอินเชและเขตยางกู ในจังหวัดคังวอนของเกาหลีใต้

ศูนย์ป้องกันการระบาดฉุกเฉินแห่งรัฐ ออกคำแนะนำให้ประชาชนระมัดระวังในการจัดการกับสิ่งแปลกปลอมที่พัดพามาตามลม สภาพอากาศอื่น ๆ และลูกโป่งในพื้นที่ตลอดแนวเส้นแบ่งพรมแดนนอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีระบบรายงานเรื่องสิ่งแปลกปลอม และมาตรการเคลื่อนย้ายวัตถุดังกล่าวออกไปอย่างระมัดระวัง แม้เกาหลีเหนือไม่ได้ระบุว่าสิ่งแปลกปลอมคืออะไร แต่อาจหมายถึงลูกโป่งที่กลุ่มแปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือในเกาหลีใต้มักส่งข้ามพรมแดนเข้าไป โดยภายในลูกโป่งขนาดใหญ่มักบรรจุใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อ วิทยุพกพา และธนบัตรดอลลาร์สหรัฐฯ 

สื่อทางการเกาหลีเหนือรายงานด้วยว่า มีผู้ป่วยมีไข้สูงรายใหม่กว่า 4,570 คน ซึ่งต่ำกว่า 5,000 คน เป็นวันที่สองติดต่อกัน แต่ไม่รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตรายใหม่หรือไม่ ขณะที่จำนวนผู้ป่วยมีไข้สูงสะสมนับตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. เพิ่มเป็นกว่า 4.74 ล้านคน โดยมีเพียง 8,130 ที่ยังรักษาตัวอยู่

ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือต้องการให้รัฐบาลเกาหลีใต้ดำเนินมาตรการเข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการส่งใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อด้วยลูกโป่งข้ามชายแดนอีก รวมถึงเตือนอาจใช้กำลังทางทหารตอบโต้ ผู้สังเกตการณ์แสดงความเห็นว่า การที่เกาหลีเหนือเชื่อมโยงเรื่องโควิด-19 กับเกาหลีใต้โดยอ้อม ดูเหมือนว่าต้องการกระตุ้นความรู้สึกต่อต้านเกาหลีใต้หรือนักเคลื่อนไหวที่ปล่อยใบปลิว และยังบอกให้ประชาชนอย่าหยิบจับใบปลิวเหล่านั้นด้วย แต่รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของเกาหลีเหนือทันที โดยบอกว่า ไม่มีความเป็นไปได้ที่การระบาดของโควิด-19 จะเชื่อมโยงกับใบปลิวเหล่านั้นจากเกาหลีใต้