ประธานาธิบดีวิโดโดเยือนกรุงมอสโกของรัสเซียเมื่อวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) และหารือกับประธานาธิบดีปูตินที่ทำเนียบเครมลิน หลังจากนั้น เขาเปิดเผยผลการสนทนาว่าเขาได้มอบสารจากประธานาธิบดีเซเลนสกี ของยูเครน ให้กับประธานาธิบดีปูตินแต่ไม่ได้ระบุเนื้อหาในสาร นอกจากบอกว่าอินโดนีเซียพร้อมเป็นสะพานเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างผู้นำรัสเซียและยูเครน
เขากล่าวด้วยว่าแม้สถานการณ์ภายนอกยังยากลำบาก แต่เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเดินหน้าสู่การเปิดการเจรจา และอินโดนีเซียอยากเห็นสงครามยุติในไม่ช้า เพื่อให้ปัญหาการส่งออกอาหาร ปุ๋ย และพลังงานหยุดชะงักได้รับการแก้ไข เนื่องจากกระทบต่อชีวิตประชาชนหลายร้อยล้านหรือหลายพันล้านคน พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้นำทั่วโลกฟื้นคืนจิตวิญญาณของการร่วมมือ
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวถึงการหารือกับผู้นำอินโดนีเซียว่า มีประสิทธิผลและมั่นใจว่าข้อตกลงที่ได้จะช่วยให้ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างสองประเทศแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ปูตินชี้แจงขณะแถลงข่าวร่วมกับวิโดโดว่า รัสเซียไม่ได้ปิดกั้นการส่งออกธัญพืชของยูเครน และกองทัพยูเครนเป็นฝ่ายวางกับระเบิดในเส้นทางสู่ท่าเรือ และไม่มีใครขัดขวางยูเครนเข้าไปเก็บกู้กับระเบิด พร้อมกับยืนยันว่ารัสเซียยินดีรับประกันความปลอดภัยในการขนถ่ายธัญพืชออกจากท่าเรือ เขาย้ำด้วยว่า มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก เป็นต้นตอของปัญหาขาดแคลนอาหารทั่วโลกและราคาพุ่งสูง
การเยือนรัสเซียของวิโดโด มีขึ้นในขณะที่อินโดนีเซียเป็นประธานหมุนเวียนของกลุ่มจี20 และเตรียมจัดการประชุมสุดยอดที่บาหลีในเดือน พ.ย. โดยเจอแรงกดดันจากชาติตะวันตกให้ยกเลิกคำเชิญให้ผู้นำรัสเซียเข้าร่วมการประชุม ส่วนรัสเซียหันมาให้ความสำคัญกับเอเชียและแอฟริกา หลังจากเผชิญการคว่ำบาตรจากนานาชาติสืบเนื่องจากการทำสงครามในยูเครนมานานกว่า 4 เดือน
ก่อนหน้านี้ผู้นำอินโดนีเซียเยือนยูเครนและพบกับประธานาธิบดีเซเลนสกีเมื่อวันพุธ โดยเป็นผู้นำเอเชียคนแรกที่เยือนยูเครนและรัสเซีย นับจากสงครามเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ.