“หมอจรุง” ชี้ อย.ควรออกจากสธ. เป็นองค์กรอิสระ เพื่อความมั่นคงด้านยาในอนาคต

26 มิถุนายน 2565 นายแพทย์จรุง เมืองชนะ กรรมการนโยบายพรรคสร้างอนาคตไทย และ อดีต ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ  กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่ขณะนี้รัฐตั้งใจประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่น แต่ยังมีบางกลุ่มที่เป็นผู้ป่วยรุนแรง และเสียชีวิต จึงอยากเสนอ

ประเด็นแรก โควิด-19 ยังเป็นโรคอันตรายในทางการแพทย์ และยังสามารถทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ ปัจจุบันทั่วโลกยังมีผู้ป่วยรายงานไม่ต่ำกว่า 6 แสนราย เสียชีวิต 1,500 ราย/วัน โดยกลุ่มที่มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตคือกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ

ข้อแนะนำคือ ประชาชนต้องการ์ดห้ามตก ต่อมาเรื่องการประกาศไม่สวมหน้ากากอนามัย ประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยงควรให้ความสำคัญเรื่องการสวมหน้ากาก หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด ชุมชน การจะทำให้ประชาชน สามารถป้องกันตนเองได้ ต้องมีบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือเช่นเดิม

ประเด็นที่สอง เรื่องการรับวัคซีน ปัจจุบันยังมีผู้รับวัคซีนไม่ครบ 3 เข็ม อีกประมาณ 7 ล้านคน ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ควรมีการรณรงค์อย่างเป็นระบบ การได้รับวัคซีนของชายแดนใต้ บางตำบลได้รับวัคซีนต่ำกว่าประเทศแอฟริกา ทางพรรคสร้างอนาคตไทย ขอเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างจริงจัง ต่อเนื่องและวัดผล

ประเด็นที่สาม แม้เราจะสามารถควบคุมโรคนี้ได้ แต่สนับสนุนให้มีการเฝ้าระวังเชิงรุก และเชิงรับ การติดตามผู้ป่วยโรคโควิดเรื้อรัง

ประเด็นที่สี่ แม้เราจะป้องกันแต่ยังมีคนป่วยและเข้าไอซียู การรักษาที่สำคัญคือใช้ยาต้านไวรัส บางชนิดที่ประเทศไทยใช้ไม่มีข้อมูลสนับสนุนว่าใช้รักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อหลีกเลี่ยงยาตัวดังกล่าว

ประเด็นที่ห้า การสร้างความมั่นคงเรื่องยา เช่น ยาต้านไวรัส ยารักษามะเร็ง จะมีความสำคัญต่อประเทศในอนาคต อย่างไรก็ตามการดำเนินการเรื่องนี้ไม่ง่าย การวิจัยการผลิตภายในประเทศ จำเป็นต้องผ่านการอนุญาตให้ใช้ทดสอบ และใช้ในประชาชนทั่วไป สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ยังมีความเข้มแข็งไม่พอ ต้องยกระดับให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ ขาดผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพ เมื่อทางอย.ไม่มั่นใจ และขาดความชำนาญในด้านนี้ จึงเกิดความล่าช้า ขอเสนอว่า อย.ควรออกกระทรวงสาธารณสุข และเป็นองค์กรอิสระ

นายสนธิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลของการติดตามเรื่องโควิดของพรรค ช่วงนี้มีคนติดเชื้อค่อนข้างมาก จึงมีความจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่อง เพราะจะกระทบต่อกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ภาวะที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือลองโควิด กระทบไปถึงยาต้านไวรัส มีข้อสังเกตว่ารัฐยังไม่มีทางเลือกให้ประชาชนสำหรับยาต้านไวรัส