นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุถึง มาตรการขอความร่วมมือจากโรงกลั่นเอกชน นำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเวลา 3 เดือน ว่า ได้มีการพูดคุยกันและคาดว่าจะหาข้อยุติได้ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนที่มีตัวเลขออกมา 7-8 พันล้านนั้น อย่าเพิ่งกดดันขอใช้เวลาหารือ เพื่อหาตัวเลขที่เหมาะสมและรับได้ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าจะมากกว่าหรือน้อยกว่าตัวเลขดังกล่าว ต้องดูความร่วมมือให้เข้าใจตรงกันและเข้าไปดูวิธีทางช่องทางการกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลยังไม่อยากใช้อำนาจในการไปบังคับโรงกลั่นแต่อาศัยความร่วมมือและจำนวนเงินที่ตกลงกันได้ที่จะช่วยสนับสนุนผ่านช่องทางไหนก็ต้องไปดูกันอีกครั้ง
ส่วนที่พรรคกล้าแนะนำให้ออก พ.ร.ก.เพื่อเป็นแนวทางให้โรงกลั่นนำเงินส่งเข้ากองทุนนั้น รมว.พลังงาน เผยว่า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อาจจะมีความรู้ทางกฎหมาย ซึ่งจากนี้ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกฎหมาย ส่วนการพูดคุยในตอนนี้คุยกันบนพื้นฐานความร่วมมือของ ผู้ประกอบของผู้ประกอบการโรงกลั่นที่ยินดีให้ความร่วมมือขออย่าสร้างเงื่อนไข ส่วนผลลัพธ์จะเป็นยังไงขอให้รอผลการประชุมภายในสัปดาห์นี้
ด้านปลัดกระทรวงพลังงาน กุลิศ สมบัติศิริ เผยว่า แม้กระทรวงพลังงานจะมีอำนาจลดค่าการกลั่นตาม พ.ร.บ.กองทุนน้ำมัน มาตรการ 14 (4) และ มาตรการ 27 (1) แต่อาจเกิดช่องว่างให้เกิดปัญหาการฟ้องร้องตามมา เพราะกระทบผู้ถือหุ้น และอาจขัดกฎหมายฉบับอื่น เช่น พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ขณะที่รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นฯ ลดลงเฉลี่ย 13.3% คิดเป็นมูลค่าซื้อขายหายไปกว่า 76,800 ล้านบาท
กระทรวงพลังงานจึงตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อหาข้อสรุปด้านกฎหมาย และวงเงินกำไรขั้นต้นที่จะนำส่งเข้ากองทุนฯ ซึ่งต้องเป็นที่ยอมรับจากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 6 แห่งด้วย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 สัปดาห์