วิบากกรรมสายการบิน อวสานยุคทองแห่งการเดินทาง

ราคาน้ำมันกับดอลลาร์สหรัฐฯ มักมีความสัมพันธ์แบบผกผัน เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้นค่าเงินดอลลาร์จะต่ำลง พอช่วยบรรเทาผลกระทบทางการเงินต่อสายการบินพาณิชย์ แต่ความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ได้พังทะลายลงอย่างสิ้นเชิงในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ สงครามในยูเครนได้ผลักให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ เป็นผู้ส่งออกน้ำมันสุทธิหรือปริมาณการส่งออกสูงกว่านำเข้า และเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ออกแบบมาเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

โทนี เว็บเบอร์ อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Qantas Airways สายการบินแห่งชาติของออสเตรเลีย ให้ความเห็นว่า สำหรับสายกาารบินพาณิชย์เป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่เรียกว่า "เคราะห์ซ้ำกรรมซัด" 

สายการบินพาณิชย์อื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้สกุลดอลลาร์ ก็มีความเสี่ยงสูงจากราคาน้ำมันและรูปแบบอื่น ๆ เช่น ค่าซื้อเครื่องบิน ค่าเช่า ค่าบำรุงรักษา หรือหนี้สินบางอย่าง เมื่อสกุลเงินท้องถิ่นสูงขึ้นตามค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่ง วอลเตอร์ โช ประธานบริหารของ Korean Air Lines บอกว่า

"เรามีหนี้สินเป็นเงินสกุลดอลลาร์จำนวนมาก และต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วยดอลลาร์เช่นกัน แม้ดอกเบี้ยจะต่ำแต่อัตราแลกเปลี่ยนตอนนี้สูงขึ้น 10%"

ขณะที่สายการบินประหยัดของอินเดียอย่าง SpiceJet บอกว่า ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอาจจำเป็นต้องขึ้นราคาค่าโดยสาร 10% -15% ส่วน Malaysia Airlines ของมาเลเซีย ระบุว่าโดยทั่วไปราคาเชื้อเพลิงคิดเป็น 20% ของต้นทุน แต่ตอนนี้พุ่งเป็น 45% เพราะเงินริงกิตอ่อนค่าลง 

ดูเหมือนยุคทองของการเดินทางโดยเครื่องบินกำลังจะเข้าสู่จุดสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อผู้คนเริ่มเผชิญสารพัดปัญหาในการใช้บริการ ทั้งเที่ยวบินดีเลย์, ยกเลิกเที่ยวบิน, คิวยาว, กระเป๋าเดินทางหาย และที่สำคัญคือการขาดแคลนพนักงานในภาคส่วนต่าง ๆ ในด้านการบริการ ในขณะที่การเดินทางทั่วโลกกำลังกลับมาเป็นที่ต้องการโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน 

ภาพความเป็นจริงที่ปรากฎในเวลานี้ คือเที่ยวบินทั่วโลกถูกยกเลิก นักเดินทางนับหมื่นนับแสนติดอยู่ตามสนามบินต่าง ๆ และบางคนอยู่ไกลจากบ้านมาก บรรยากาศตามสนามบินเต็มไปด้วยฝูงชนที่โกรธแค้น ปัญหายังลุกลามไปถึงสถานีรถไฟ เมื่อพวกเขาเปลี่ยนเป้าหมายไปใช้เพื่อเป็นทางเลือกอื่น ทำให้ขบวนรถไฟแต่ละสายอัดแน่นไปด้วยผู้โดยสาร สวนทางกับถนนที่เงียบสงัดอย่างผิดปกติ ด้วยเพราะราคาน้ำมันพุ่งสูงทำให้คนหันไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งมีแต่คนที่มีฐานะหรือมหาเศรษฐีเท่านั้นที่ยังขับรถในระยะทางไกลได้โดยไม่เดือดร้อน