17 มิถุนายน 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การที่พรรคเพื่อไทยยกทีมลงพื้นที่จ.ศรีสะเกษ โดยใช้ชื่อว่า "ไล่หนู ตีงูเห่า" นั้น ซึ่งพื้นที่แต่ละจังหวัดไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ละจังหวัดจะต้องมีผู้แทน ซึ่งคนที่จะเสนอตัวเป็นผู้แทน ก็ต้องมีกลยุทธ์ของแต่ละพรรคเพื่อให้ประชาชนเลือก แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน
ส่วนการดึง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดง เข้ามาเป็นผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยจะมีนัยยะอะไรหรือไม่นั้น มองว่าคงเป็นกลยุทธ์แต่ไม่สามารถไปวิจารณ์ว่าอะไรถูกอะไรผิด เช่น การลงพื้นที่พรรคภูมิใจไทยตนก็จะลงด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่งพาใคร ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่พรรคภูมิใจไทยเชื่อว่า หากหัวหน้าพรรคและตัวรัฐมนตรีลงพื้นที่เอง ก็จะสามารถให้ความเชื่อมั่นกับชาวบ้านได้ เป็นเรื่องปกติ ต่างคนต่างความคิด
ส่วนจะเป็นการดึงความขัดแย้งทางการเมืองกลับมาหรือไม่นั้น ส่วนตัวเชื่อว่าทุกวันนี้ (17มิ.ย.) ประชาชนเบื่อความขัดแย้งและความรุนแรงเต็มทน อย่างคนที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้อง ที่เคยทำให้เกิดความขัดแย้งมาก่อนในอดีต ก็ต้องดูความรู้สึกของประชาชน และต้องปรับเปลี่ยน
"ผมและนายณัฐวุฒิก็เป็นพี่น้องกันมาตลอด เพราะเคยเรียนหลักสูตร ปทส.3 รุ่นเดียวกัน เจอกันก็ทักทายกันปกติ ไม่มีปัญหาอะไร และเพื่อนในพรรคเพื่อไทยผมก็มีเยอะแยะ แต่เมื่อถึงเวลาทำหน้าที่ก็ต้องแยกแยะ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เป็นปกติทางการเมือง เปรียบเหมือนการตีกอล์ฟที่ร่วมตีกลุ่มเดียวกันได้ แต่เวลานับคะแนน ก็ไม่มีใครยอมใคร เป็นเรื่องกติกาสากล แต่ไม่มีใครเคียดแค้น เกลียดชังอะไรกัน" นายอนุทิน กล่าว
ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทิน กล่าวว่า แม้จะอภิปรายของคนอื่นไม่ได้ แต่ต้องชี้แจงตามข้อกล่าวหาในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในส่วนของตนเองก็ต้องเตรียมตัวนำข้อมูลที่กระชับ เข้าใจง่ายมาชี้แจง และหาเหตุผลหลักฐานมาแก้ต่าง ขณะที่ตัวนายกรัฐมนตรีเองไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะผ่านการไม่ไว้วางใจมา 3 สมัยแล้ว ซึ่งการอภิปรายทุกครั้งที่ผ่านมา ตนได้เสียงโหวตสนับสนุนมาก และเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากรัฐบาลทำอะไรโดยไม่มีการตรวจสอบ ประชาชนก็ไม่เอา จึงเป็นเรื่องดีที่รัฐมนตรีจะได้ตอกย้ำถึงเหตุผลในการทำอะไรต่างๆ สิ่งที่มั่นใจที่สุด คือ ตนไม่เคยทุจริต ไม่เคยทำอะไรไม่ดีต่อบ้านเมืองและประชาชน สามารถตอบได้อยู่แล้ว
สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้คาดว่าจะมีเสียงจากฝ่ายค้านโหวตสนับสนุนให้มากกว่า 7 เสียงเหมือนการอภิปรายครั้งก่อนหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่ทราบ แต่ต้องอยู่ในกติกามีเหตุผลที่อภิปรายให้สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจได้ ดังนั้น อย่าเพิ่งไปนึกถึงฝ่ายค้าน ขอให้สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในแถว มีสปิริต ไม่ใช้เกมการเมืองมากลั่นแกล้ง หรือกดดันกัน ก็น่าจะผ่านอยู่แล้ว แต่หากไม่สามารถอธิบายข้อกล่าวหาได้ และสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการกระทำที่ไม่ชอบโดยเฉพาะเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ ก็ตัวใครตัวมัน
นายอนุทิน ยังระบุถึงข้อกล่าวหาที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติเรื่องการใช้เงินดึง ส.ส. พรรคอื่นเข้าพรรคภูมิใจไทย ว่า จะเอาเงินมาจากไหน แล้วทำไมต้องทำ เพราะทุกวันนี้ส.ส.พรรคอื่น ก็ไม่มีใครใจกล้าลาออกจากพรรค แล้วมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย มีเพียงส.ส.ที่ถูกขับออกจากพรรคเดิม ซึ่งต้องไปสังกัดพรรคอื่นตามรัฐธรรมนูญกำหนด ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร