ประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ของฝรั่งเศส พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ของเยอรมนี นายกรัฐมนตรีมริโอ ดรากี ของอิตาลี และประธานาธิบดีเคลาส์ โยฮันนิส ของโรมาเนีย พบหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระหว่างการเยือนกรุงเคียฟเมื่อวันพฤหัสบดี และให้คำมั่นร่วมกันสนับสนุนการรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปหรืออียูโดยทันที
นายกรัฐมนตรีโชลซ์กล่าวว่า ผู้นำทั้ง 4 คน เยือนเคียฟเพื่อส่งสารอย่างชัดเจนว่ายูเครนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวยุโรป และประธานาธิบดีมาครงให้คำมั่นว่า อียูจะยืนหยัดเคียงข้างยูเครนจนกว่าจะได้รับชัยชนะเหนือรัสเซีย
นอกจากนี้ผู้นำฝรั่งเศสบอกด้วยว่าชาติตะวันตกไม่ได้มีเงื่อนไขผูกมัดใด ๆ ต่อยูเครน และการเจรจาสันติภาพใด ๆ กับรัสเซีย ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของยูเครน
ส่วน ผู้นำยูเครนกล่าวขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากชาติตะวันตก แต่ก็ยังเรียกร้องให้มีการจัดส่งอาวุธหนัก เครื่องยิงจรวด และระบบป้องกันขีปนาวุธให้กับยูเครนเพิ่มเติมอีก พร้อมทั้งเตือนว่าการตัดสินใจที่ล่าช้าในแต่ละวันหมายถึงโอกาสที่กองทัพรัสเซียจะคร่าชีวิตชาวยูเครนหรือทำลายเมืองเพิ่มขึ้น และเมื่อยูเครนได้อาวุธที่มีอานุภาพมากขึ้น ก็จะสามารถปลดแอกประชาชนและดินแดนได้เร็วขึ้น
เซเลนสกียังย้ำให้อียูออกมาตรการคว่ำบาตรระลอก 7 ที่รวมถึงการห้ามนำเข้าก๊าซรัสเซีย หลังจากรัสเซียเพิ่งลดการส่งก๊าซธรรมชาติให้เยอรมนีผ่านท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม
ก่อนหน้าการพบปะกับเซเลนสกี ผู้นำทั้ง 4 ชาติ ได้เดินสำรวจซากอาคารและซากรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีในเมืองเออร์ปิน ที่อยู่ใกล้เคียงกับกรุงเคียฟและถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงในช่วงเริ่มแรกของสงคราม และนายกรัฐมนตรีเยอรมนีบอกว่าเป็นความโหดร้ายที่ไม่อาจจินตนาการได้ และเป็นความรุนแรงที่ไร้เหตุผล
ขณะที่ทำเนียบเครมลินของรัสเซีย วิจารณ์การรเยือนเมืองเออร์ปินของผู้นำยุโรปว่า พวกเขาควรใช้เวลาพูดคุยกับเซเลนสกีให้มองสภาพความเป็นจริงเกี่ยวกับกิจการบ้านเมือง มากกว่าการขออาวุธเพิ่ม