อีกความเคลื่อนไหวที่ทั่วโลกต่างจับตา สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า โช ซึ่งเป็นนักการทูตอาวุโสและผู้ช่วยใกล้ชิดของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้จัดการด้านประเด็นอาวุธนิวเคลียร์และการเจรจาของเกาหลีเหนือกับสหรัฐมาเป็นเวลานาน ขณะที่การเจรจาโดยตรงเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์และการบรรเทามาตรการคว่ำบาตรระหว่างทั้งสองประเทศนั้นได้หยุดชะงักมานานกว่า 2 ปีแล้ว
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของทางการเกาหลีเปิดเผยว่า การแต่งตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางของพรรคแรงงานซึ่งมีนายคิมเป็นประธาน โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นเวลาสองวันจนถึงวันศุกร์ (10 มิ.ย.)
ทั้งนี้ การแต่งตั้งโชเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศมีขึ้นเพียงไม่กี่วัน ก่อนวันครบรอบ 4 ปีของการประชุมสุดยอดครั้งแรกระหว่างนายคิม จอง อึนและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันที่ 12 มิถุนายน 2561 ที่ประเทศสิงคโปร์
ทางสำนักข่าวชื่อดัง อ้างจากรายงานของสำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) ที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลเปียงยาง ว่า นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้ประกาศเลื่อนขั้น นางโจ ซอน-ฮี ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งรมว.การต่างประเทศ แทนนายรี ซอน-กวอน ซึ่จะไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานแนวร่วม ที่ดูแลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี
เปิดประวัติสตรีผู้พลิกประวัติศาสตร์เกาหลีเหนือ
นางโจ ซอน-ฮี สตรีมากความสามารถ วัย 57 ปี สร้างประวัติศาสตร์เป็นสตรีคนแรก ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการทูตของเกาหลีเหนือ โดยก่อนหน้านี้เธอดำรงตำแหน่ง รมช.การต่างประเทศมาก่อน และถือเป็นหนึ่งในสตรีเพียงไม่กี่คน ซึ่งดำรงตำแหน่งระดับสูงทางการเมืองในเกาหลีเหนือ
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้น ระหว่างการประชุมครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการกลางพรรคคนงานชุดที่ 8 ซึ่งนอกจากนั้น นายคิม จอง-อึน ยังกล่าวถึงสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงของเกาหลีเหนือ “อยู่ในระดับร้ายแรง” และสถานการณ์ในบริเวณที่อยู่รายล้อมเต็มไปด้วยอันตราย ซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงทุกเมื่อ
นางโจ ซอน-ฮี เป็นหนึ่งในนักการเมืองหญิงระดับสูงไม่กี่คนของเกาหลีเหนือ สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้หญิงคนแรก ที่ดำรงตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ
นางโช เป็นนักการทูตมืออาชีพ สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และเธอยังสามารถเป็นล่ามให้กับ นายคิม ในช่วงการเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐ และยังเคยร่วมคณะเดินทางไปประชุมผู้นำเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ตาม การทูตระหว่างกรุงเปียงยางและวอชิงตันได้หยุดชะงักไป เนื่องจาก รัฐบาลคิม ไม่ตอบสนองข้อเสนอซ้ำๆของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะนำไปสู่การเจรจาอีกครั้ง