ถือเป็นคดีที่สร้างอาฟเตอร์ช็อกให้วงการ “สีกากี” อย่างหนักหน่วง ตลอดช่วงครึ่งปีหลัง 2564 เมื่อภาพจากกล้องวงจรปิด ภายใน “ห้องกาแฟ” ซึ่งเป็นห้องทำงานของชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ชป.05 ของ สภ.เมืองนครสวรรค์ กำลังรีดเค้นข้อมูลจากนายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หรือมาวิน ผู้ต้องหายาเสพติด ก่อนใช้ถุงดำคลุมศีรษะจนสิ้นใจ และตกเป็นข่าวโด่งดังทั่วโลก
คดีนี้เริ่มจาก “มาวิน” และแฟนสาว ถูกจับกุมที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ตลาดนัดหน้าค่ายจิรประวัติ ต.นครสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสรรค์ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2564 พร้อมยึดของกลางยาไอซ์ 300 กรัม กระทั่งตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ เจอภาพยาไอซ์ และยาบ้าจำนวนหนึ่ง จึงขยายผลตรวจค้นที่บ้านพัก แต่ไม่เจอยาเสพติดเพิ่มเติม
จากนั้นวันที่ 5 มิ.ย.2564 พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวกรวม 7 คน พยายามบีบบังคับเอาข้อมูลยาเสพติดที่เหลืออีกรอบ จนเวลา 13.15 น.มีการใช้ถุงพลาสติกสีดำ คลุมศีรษะ “มาวิน” ลักษณะถุงซ้อนกัน 6 ชั้น
โดยเวลาผ่านไปประมาณ 7 นาที ในเวลา 13.25 น.ทางผู้ต้องหาหมดสติ และหยุดหายใจ โดยกลุ่มของ “อดีตผู้กำกับโจ้” พยายามทำ CPR กู้ชีพ แต่ไม่เป็นผล จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลปริ้นส์ ปากน้ำโพ ที่มีการใช้เคลื่องช่วยหายใจพยุงชีพ พร้อมส่งตัวต่อโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์
ซึ่งทางกลุ่มตำรวจที่ก่อเหตุ อ้างกับเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า “มาวิน” พยายามวิ่งหลบหนี และมีการล้มหมดสติไปเอง สุดท้ายไม่สามารถยื้อชีวิตได้ โดยผู้ต้องหาได้เสียชีวิตในเวลา 13.20 น.วันที่ 6 มิ.ย.2564
เบื้องต้นแพทย์ชันสูตรศพเบื้องต้น พบสารแอมเฟตามีน และเมทแอมเฟตามีน อยู่ในร่างกาย โดยมีร่องรอยที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และมีจุดๆ แต่ไม่เกี่ยวกับโรคหัวใจ ซึ่งทางกลุ่มตำรวจที่ก่อเหตุ พยายามให้ลงบันทึกสาเหตุการตายว่า เกิดจากพิษสารแอมเฟตามีน
จนผลชันสูตรทางการออกมา พบเยื่อบุในช่องปากเป็นสีเขียวคล้ำ เยื่อบุตาขาว มีจุดเลือดออก สมองมีจุดเลือดออก ผิวปอดด้านนอกมีจุดเลือดออก ซึ่งแพทย์สรุปสาเหตุการตายว่า “เกิดจากการขาดอากาศหายใจ” กระทั่งกลุ่มผู้ก่อเหตุ พยายามวิ่งเต้นปิดคดี โดยเฉพาะหลักฐานจากคลิปวงจรปิด
กระทั่งหลักฐานวงจรปิด ถูกส่งต่อให้ 2 ทนายชื่อดัง จนภาพการทรมาน “ถุงดำคลุมศีรษะ” ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชนในวันที่ 24 ส.ค.2564 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับ “อดีตผู้กำกับโจ้” เดินทางออกจากบ้านพักย่านรามอินทรา โดยมีคนขับรถไปส่งที่ใต้ทางด่วน ถ.กาญจนาภิเษก ก่อนมีรถอีกคันมารับ มุ่งหน้าไปชลบุรี
ซึ่งวันที่ 25 มิ.ย.2564 “อดีตผู้กำกับโจ้” โทรศัพท์ไปปรึกษา “พ.ต.อ.” อดีตตำรวจกองปราบปราม ที่แนะนำให้มอบตัว และสู้คดีในชั้นศาล กระทั่งผ่านไป 1 วัน ในวันที่ 26 มิ.ย.2564 เจ้าตัวตัดสินใจโทรศัพท์หา “รอง ผบช.ภ.6” และนัดมอบตัวที่ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ในท้ายที่สุด
จากวันนั้นมาถึงปัจจุบัน คดีนี้ผ่านไปนานเกือบ 1 ปีเต็ม โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต "อดีตผู้กำกับโจ้" แต่มีเหตุบรรเทาโทษ เนื่องจากเยียวยาผู้เสียหาย ให้จำคุกตลอดชีวิต รวมถึงจำเลยอีก 5 คน ยกเว้นจำเลยที่ 6 ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี 4 เดือน