ถือเป็นการนำร่องและเป็นนิมิตหมายที่ดีในการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น จากกรณีที่ จ.ภูเก็ต โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ออกคำสั่งให้ประชาชนสามารถ "ถอดหน้ากากอนามัย" ได้ในพื้นที่โล่งแจ้ง ริมชายหาด สวนสาธารณะ โดยห่างจากบุคคลอื่นไม่ต่ำกว่า 2 เมตร (อ่านข่าว)
ขณะที่พื้นที่อย่าง กทม. นั้นล่าสุดวันนี้ (2 มิ.ย.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงมาตรการดังกล่าวว่า มีความน่าสนใจ โดยบริบทและสถานการณ์ของภูเก็ตกับกรุงเทพฯ ไม่ต่างกัน และกรุงเทพฯ ต้องเดินหน้าต่อ จึงเตรียมผ่อนคลายมาตรการนี้ให้เร็วที่สุด โดยจะต้องหารือกับผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักอนามัย และสำนักการแพทย์ กทม.
ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการ ประชาชน และนักเที่ยวท่องราตรี เรียกร้องขอให้ กทม. ขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง ยาวออกไปถึงตี 2 นั้น มองว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจ โดยเตรียมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วนเช่นกัน และไม่ใช้เพียงแค่ผับบาร์เท่านั้น แต่ต้องครอบคลุมไปถึงสถานประกอบการต่าง ๆ รวมถึวสวนสาธารณะ ที่จะต้องขยายเวลาด้วยเช่นกัน
มีรายงานว่า บรรยากาศการสัมภาษณ์นายชัชชาติวันนี้ ซึ่งถือเป็นวันแที่เข้ามาทำงานที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครแบบเต็มรูปแบบวันแรก นายชัชชาติ ได้ตอบทุกคำถามของสื่อมวลชน ซึ่งนักข่าวได้แซวด้วยว่า วันนี้มาทำงานตั้งแต่ตี 4 เลยใช่หรือไม่ โดยนายชัชชาติเล่าแบบยิ้ม ๆ ว่า วันนี้ตนเองได้มาถึงศาลาว่าการ กทม. ตั้งแต่ตี 4 และวิ่งออกกำลังซิตี้รัน รอบเสาชิงช้า และกลับมาอาบน้ำทำงานต่อ และถือว่าเป็นการเปลี่ยนสถานที่วิ่งครั้งแรก และไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ขณะเดียวกันอยากไปวิ่งสำรวจวัดพระแก้ว เพราะยังไม่เคยไปดูบรรยากาศตอนเช้า และถ้ามีเวลาจะไปสำรวจบรรยากาศการเปิดผับบาร์ตอนกลางคืน ตามนโยบายผู้ว่าเที่ยงคืนด้วย แต่ไม่ใช่วันนี้เพราะภารกิจแน่น และวันพรุ่งนี้มีภารกิจเช้า
โดยภายหลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ นายชัชชาติ ได้พาสื่อมวลชนเดินชมห้อง CCTV ที่เชื่อมต่อกับระบบทราฟฟี่ฟองดูว์ แพลตฟอร์มสำคัญที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง เป็นช่องทางให้ประชาชนจากทุกเขตให้แจ้งปัญหาเมืองทั้งจราจร น้ำท่วม ฟุตปาธต่าง ๆ โดยมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องดำเนินการแก้ปัญหาโดยมีระบบตรวจสอบหลังแก้ปัญหาเป็นการกระจายอำนาจให้ประชาชนมีส่วนร่วม