svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"หมอพรทิพย์" เตือนทนายหาข้อมูลก่อนพูด "ชนบท" แนะคดี "แตงโม" มุ่งข้อหาทำร้าย

31 พฤษภาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อดีตผู้พิพากษา "ชนบท ศุภศรี" แนะนำคดี "แตงโม" ควรมุ่งไปที่ข้อหาทำร้ายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ไม่ใช่เจตนาฆ่า หรือประมาท ด้าน "หมอพรทิพย์" เตือน "แก๊งทนาย" ควรหาข้อมูลก่อนพูด เชื่อคดีนี้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของกระบวนการยุติธรรมแน่นอน

วันนี้ (31 พ.ค.) พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน วุฒิสภา กล่าวในรายการ “โหนกระแส” ของ “หนุ่ม กรรชัย” ถึงคดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ “แตงโม นิดา” ว่า คดีนี้มีความผิดปกติตั้งแต่เริ่มต้น เพราะติดกระดุมเม็ดแรกผิด เช่น ไม่เก็บเลือด ไม่ตรวจร่างกาย หรือไม่ตรวจเรือในทันที แต่ตนเองไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะต้องรอจังหวะ

 

จนมาถึงช่วงที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ “แตงโม” มีการเปลี่ยนใจ ให้ตนเองได้เข้าไปดูร่างผู้ตาย ทำให้ได้เห็นบาดแผล โดยเฉพาะบาดแผลลักษณะคล้าย “ก้างปลา” ที่ขา จึงมีการสอบถามตามปกติว่า มีการเปรียบเทียบกับใบพัดเรือหรือยัง แต่กลับทำให้อีกฝ่ายโกรธโมโห แล้วออกมาด่าเรา จึงยอมถอยออกมา  

"หมอพรทิพย์" เตือนทนายหาข้อมูลก่อนพูด-อดีตผู้พิพากษาแนะคดี "แตงโม" มุ่งข้อหาทำร้าย

กระทั่งนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเคลื่อนไหว ที่มีการมุ่งเน้นไปที่เรื่องฆาตกรรม ถ้าถามตนเองมองว่า ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น เพราะต้องยึดหลักวิทยาศาสตร์ แต่ดูแค่ว่า อะไรที่พลิกคดีได้ จึงมีการอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง โดยยกตัวอย่างว่า ถ้าจะคิดเป็นฆาตกรรม แผลที่มีต้องถูกกระทำบนบก ฉะนั้นสิ่งที่สามารถพบได้ คือ คราบเลือดบนเสื้อผ้า ของเหยื่อ และผู้ต้องสงสัย 5 คน

“หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มันน่าเชื่อถือกว่าคำให้การของพยาน ที่บอกว่า เขาไปฉี่ท้ายเรือ เพียงแต่พนักงานสอบสวนไม่เลือกที่จะฟังตัวนี้ ไม่เลือกที่จะไปสอบปากคำผู้เชี่ยวชาญเรือ คดีนี้มีการยึดพยานบุคคลเป็นหลัก โดยบอกว่าตกท้ายเรือ แต่เราไม่เชื่อ จึงหาวิธีพิสูจน์ อย่างบาดแผลก้างปลา ตรงนี้ไปถามคนเล่นเรือ เขาจะตอบได้เลยว่า ตกหัวเรือ เมื่อตอบว่าตกหัวเรือ ตรงนี้จะทำให้เห็นว่า นั่งตกท้ายเรือมันผิด แล้ว 5 คนที่อยู่หัวเรือ แล้วไม่รู้อะไรเลย ก็ไม่จริง”

 

สุดท้ายคุณแม่เปลี่ยนใจไม่เชื่ออีกครั้ง ก่อนกลายมาเป็นเรื่องราวปัจจุบัน ส่วนเรื่องสิ่งของที่ “บังแจ็ค” ส่งมา ได้ข้อมูลว่าภายในกล้องเป็นผ้า ฉะนั้นต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นผ้าของ “แตงโม” จริงหรือไม่ ที่จะช่วยตอบโจทย์ว่า บาดแผลเกิดบนบก หรือในน้ำ

"หมอพรทิพย์" เตือนทนายหาข้อมูลก่อนพูด-อดีตผู้พิพากษาแนะคดี "แตงโม" มุ่งข้อหาทำร้าย

เราจะไม่ตั้งสันนิษฐานว่า ผ้าชิ้นนี้เท็จหรือจริง แต่เราต้องพิสูจน์ จะได้ไม่มีการพูดฟุ้งไปหมด หลังจากนี้กลุ่มทนายจะพูดอะไร ขอให้รู้ข้อเท็จจริง เพราะผ้าชิ้นนี้ได้มา 1 เดือนแล้ว แต่โทรศัพท์มือถือมันเพิ่งไป ฉะนั้นโทรศัพท์จะไปติดที่ผ้า คงเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุด เรากำลังหาคราบเลือด ไม่ใช่ดีเอ็นเอแตงโม ส่วนการงมหาอาวุธต่างๆ ใต้น้ำ คงนำมาตรวจดีเอ็นเอไม่ได้แล้ว

 

ส่วนอยากฝากไปถึงบุคคลบางกลุ่ม ทำไมคนเราชอบกล่าวหา ถ้าเป็นคนไม่ดี ก็ต้องให้หลักฐานไม่ดี แต่พวกคนดีนี่แหละ ที่ให้หลักฐานเท็จมาเยอะแล้ว ทำให้เกิดแพะมาเท่าไหร่ โดยทนายมีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ใช่ไปนั่งตรวจสอบคนอื่น

ถ้าจะตั้งคำถามกับหลักฐานบังแจ็ค ต้องตั้งคำถามกับหลักฐานในสำนวนด้วย เพราะเมื่อคุณไปซักในพยานศาล คุณจะได้รู้ว่า หลักฐานเหล่านั้นเท็จหรือจริง หมายถึงเราต้องใช้ให้สม่ำเสมอ ไม่ใช่ใช้แต่กับคนไม่ดี คดีนี้คดีเดียว ไม่ว่าจะจบอย่างไร จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแน่นอน เพราะถ้าสรุปฟ้องไปตามที่เป็นข่าว แล้วศาลยกฟ้อง จะเกิดอะไรขึ้น”

"หมอพรทิพย์" เตือนทนายหาข้อมูลก่อนพูด-อดีตผู้พิพากษาแนะคดี "แตงโม" มุ่งข้อหาทำร้าย

ขณะที่นายชนบท ศุภศรี อดีตผู้พิพากษา และทนายความ เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (1 มิ.ย.) ทาง “แม่แตงโม” และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ จะเข้ามาเชิญตนเอง เป็นที่ปรึกษา โดยส่วนตัวยังไม่ได้มองคดีนี้เป็นฆาตกรรม แต่จากคำให้การคนบนเรือ ที่บอกว่า มีการจับขาแล้วไปฉี่ท้ายเรือ ตรงนี้มองว่า เป็นการพูดไม่จริง ประกอบกับมีบาดแผลที่ขา

 

ส่วนตัวมองว่า ความผิดของคนบนเรือ น่าจะเข้าข่ายข้อหาผู้ใดไม่มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุก 3-15 ปี ซึ่งแตกต่างกับข้อหาประมาท โดยตรงนี้ทางคุณแม่ต้องเป็นผู้ยื่นฟ้อง โดยข้อหาที่ตนเองบอก เมื่อมีการไต่สวนมูลฟ้อง จะสามารถสืบพยานได้ง่ายกว่าเจตนาฆ่า และมีโอกาสสูงที่ศาลจะประทับรับฟ้อง จากนั้นจะขยายเป็นเรื่องอื่นๆ จะตามมาเอง 

logoline