ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ร่วมประชุมสุดยอดกับนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ที่พระตำหนักอากาซะกะในกรุงโตเกียววันนี้ (23 พ.ค.) หลังเดินทางมาถึงเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นการเยือนญี่ปุ่นครั้งแรก และการพบปะแบบตัวต่อตัวครั้งแรกนับจากเขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ
ทั้งสองออกแถลงการณ์ร่วมแสดงจุดยืนชัดเจนคัดค้านความพยายามใช้กำลังเปลี่ยนแปลงสถานะของพื้นที่ใด ๆ รวมไปถึงในทะเลตะวันออกและทะเลจีนใต้ และให้ความสำคัญกับสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งไบเดนยืนยันว่า สหรัฐฯ พร้อมให้การสนับสนุนทางการทหารเพื่อปกป้องไต้หวัน
ทั้งสองยังตระหนักถึงภัยคุกคามจากโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ และคิชิดะประกาศว่าจะเสริมศักยภาพการป้องกันประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยไบเดนก็ให้ความมั่นใจว่า สหรัฐฯ ยังยึดมั่นที่จะปกป้องญี่ปุ่น และจะสนับสนุนให้ญี่ปุ่นเข้าเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ขณะเดียวกันไบเดนประกาศแผนจัดตั้งกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก หรือ IPEF ที่มี 13 ชาติเข้าร่วมเจรจาก่อตั้ง ได้แก่ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย บรูไน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ประเทศไทย และเวียดนาม การเจรจารายละเอียดอาจจะเริ่มได้ในเดือน ก.ค. และคาดว่า อาจใช้เวลานาน 12-18 เดือน
กรอบความร่วมมือนี้ไม่ใช่ข้อตกลงการค้าเสรี แต่เป็นกรอบความร่วมมือที่ประกอบด้วย 4 เสาหลัก ได้แก่ การค้า ห่วงโซ่อุปทาน พลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐาน และภาษีและการต่อต้านการทุจริต
กรอบความร่วมมือนี้เป็นความพยายามของสหรัฐฯ เพื่อลดทอนอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้ และทำให้หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนออกมาวิจารณ์ว่า IPEF เป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองที่สหรัฐฯ ใช้เพื่อรักษาอำนาจครอบงำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ และจะสร้างความแตกแยกในภูมิภาค พร้อมกับเตือนให้สหรัฐฯ เรียนรู้บทเรียนจากการทำสงครามการค้ากับจีนที่ผ่านมา