เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่หน้า ที่ว่าการอำเภอน้ำพอง จ.ขอนแก่น มีชาวบ้าน จากบ้านโนนพะยอม ม.5 ตำบลม่วงหวาน อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ประมาณ 100 คน ร่วมกันเดินทางมาขอเข้าพบนายชินกร แก่นคง นายอำเภอน้ำพอง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ชาวบ้านร้องเรียนให้ตรวจสอบความประพฤติไม่เหมาะสมของผู้ใหญ่บ้าน (นายบุญทัน กันยาเนียม) ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และขอส่งรายชื่อของชาวบ้านที่ร่วมลงชื่อถอดถอนผู้ใหญ่บ้านออกจากตำแหน่ง ซึ่งเมื่อนายอำเภอทราบเรื่องก็เดินทางมาพบชาวบ้าน และให้ตัวแทนชาวบ้านเข้าพบพูดคุยถึงเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการยื่นถอดถอนผู้ใหญ่บ้านออกจากตำแหน่ง โดยมีตัวแทนชาวบ้านจำนวน 10 คน เข้าพบนายอำเภอพร้อมยื่นเรื่องและมอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียนให้นายอำเภอ ซึ่งภายหลังจากที่ตัวแทนชาวบ้านเข้าพบนายอำเภอแล้ว นายชินกร แก่นคง นายอำเภอน้ำพอง จึงออกมาพบชาวบ้านคนอื่นๆที่มาปักหลักรอฟังอยู่หน้าที่ว่าการ และพูดคุยกับชาวบ้านเบื้องต้นทำให้ชาวบ้านที่ได้ฟังรู้สึกพึงพอใจและสบายใจขึ้น และชาวบล้านทุกคนต่างพร้อมใจกันปรบมือสนั่นหน้าที่ว่าการอำเภอเพื่อแสดงความขอบคุณนายอำเภอที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม
โดยในเอกสารที่ยื่นในครั้งนี้มีทั้งรายชื่อของชาวบ้านที่ร่วมลงชื่อถอดถอนผู้ใหญ่บ้าน และเอกสารภาพถ่ายประกอบหลักฐาน ความไม่โปร่งใส ในเรื่องการขายดินจากโครงการขุดลอกหนองเข ของหมู่บ้าน โดยนำเงินเป็นผลประโยชน์ส่วนตน ใช้เงินส่วนกลางของหมู่บ้าน จ้างรถแม็คโครรื้อป่าสาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้าน ซึ่ง ชาวบ้านไม่เห็นชอบคัดค้านไม่ให้ทำ แต่ผู้ใหญ่บ้านใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบขุดรื้อป่าสาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้าน โดยไม่รับอนุญาต และการจัดซื้อปุยเคมี ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนจากก้องทุนพัฒนารอบโรงไฟฟ้าเป็นมาจำหน่ายให้กับเกษตรกรภายในหมู่บ้าน และให้นำผลกำไรมาหมุนเวียนในกลุ่ม แต่ผู้ใหญ่บ้าน อ้างว่าเป็นเงินที่หามาเอง ทำปุ๋ยเคมีขายเอง โดยไม่มีคณะกรรมการรู้เห็นด้วย โครงการจัดซื้อโรงสีข้าวชุมชน และเครื่องมือทางการเกษตร แต่นำไปใช้ประโยชน์ส่วนตน โดยไม่เอาผลกำไรเข้าส่วนรวม และอีกหลายโครงการที่มีการประพฤติตนไม่โปร่งใส
นางทองดา ผาภู อายุ 63 ปี ชาวบ้านโนนพะยอม หนึ่งในชาวบ้านที่เดินทางมาขอพบนายอำเภอ เพื่อยื่นถอดถอนผู้ใหญ่บ้านในครั้งนี้ กล่าวว่า เรื่องความไม่โปร่งใส ในการทำหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านรายนี้ มีมานาน เคยตำหนิ และพูดคุยกันในหมู่บ้าน แต่ไม่เป็นผล ยังมีการประพฤติเช่นเดิม ชาวบ้านร่วมกันรวบรวมหลักฐานต่างๆ เดินทางเข้ายื่นร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นรับทราบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ผ่านมาเกือบสองเดือนไม่มีคว่ามคืบหน้า สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น ทราบว่า ส่งเรื่องมายังนายอำเภอน้ำพอง จึงได้เดินทางมาพบนายอำเภอ เพื่อติดตามความคืบหน้าในเรื่องที่ร้องเรียนไป พร้อมทั้งร่วมกันลงชื่อ ยื่นเรื่องถอดถอนผู้ใหญ่บ่านพ้นจากตำแหน่ง
“ในขณะที่รอฟังผลสรุปการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีที่ยื่นเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป ตนและเพื่อนบ้านอีก 6 คน รวมเป็น7 คน ได้รับหมายนัดไต่สวนมูลฟ้อง จากศาลจังหวัดขอนแก่น ซึ่งนายบุญทัน กันยาเนียม โดยนายณัฐพงษ์ กันยาเนียม ยื่นต่อศาลฟ้องตนกับชาวบ้านรวม 7 คนในข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 15 สิงหาคม 2565”
หลังจากรับเรื่องและพูดคุยกับชาวบ้านจนเป็นที่เข้าใจและชาวบ้านพอใจแล้ว นายชินกร แก่นคง นายอำเภอน้ำพอง จ.ขอนแก่น ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา 3 คน โดยมี นายปริวาส ชัยเลิศ ปลัดออำเภอ เป็นประธานคณะกรรมการ จากนั้น นายอำเภอน้ำพอง ได้ให้สัมภาษณ์กบสื่อมวลชนว่า หลังทราบเรื่องและได้รับเอกสารที่เกี่ยวข้องรวมถึงรายชื่อชาวบ้านที่ร่วมลงชื้อถอดถอนผู้ใหญ่บ้านนั้น อำเภอน้ำพอง ได้มีคำสั่งอำเภอน้ำพองที่155/2565 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้วยอำเภอน้ำพอง ได้รับหนังสือร้องเรียนจากราษฎร บ้านโนนพยอม หมู่ที่ 5 ตำบลม่วงหวาน อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ นายบุญทัน กันยาเนียม ผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนพยอม หมู่ที่ 5 ตำบลม่วงหวาน อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โดยอ้างว่ามีความประพฤติมิชอบและส่อไปในทางทุจริต เกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินของหมู่บ้านหลาย ๆ กองทุน ซึ่งการใช้จ่ายเงินส่วนใหญ่ไม่มีการประชุมชาวบ้าน บางครั้งก็กล่าวอ้างว่าเป็นสิทธิของผู้ใหญ่บ้านที่จะใช้จ่ายเงินเพราะผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้หาเงินมาเอง จึงขอให้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของหมู่บ้าน จึงขอให้ทางอำเภอทำการตรวจสอบรวม 11 โครงการคือเงินกองทุนแม่ของแผ่นดิน (ที่ได้รับพระราชทาน) เงินโครงการอยู่ดีมีสุข 100,000 บาท,เงินหุ้นและค่าเช่าหนองเขของหมู่บ้านทุกปี,บัญชีเงินกลางวัดชุมพร,เงินกองทุนฌาปนกิจหมู่บ้าน,เงินกองทุนปุยชีวภาพจากบริษัท SCG,เงินกองทุนกลางของหมู่บ้าน โครงการจัดซื้อเครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์พืช และโรงสีกลุ่มเกษตรทำนา,โครงการจัดซื้อปุ๋ยเคมีที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กองทุนไฟฟ้า จำนวน 200,000 บาท ซึ่งผู้ใหญ่บ้านกล่าวอ้างว่าเป็นเงินที่ตนหามาเอง เงินดังกล่าวผ่านการประชาคมของหมู่บ้าน เพื่อจัดซื้อปุ๋ยเคมีมาจำหน่ายให้กับสมาชิกและซาวบ้านในหมู่บ้าน เพื่อนำผลกำไรมาต่อยอดตามวัตถุประสงค์ของโครงการ เมื่อได้รับเงินจากกองทุนแล้วผู้ใหญ่บ้านดำเนินการแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ผ่านมติที่ประชุมและนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของ โครงการ เมื่อกรรมการหมู่บ้านท้วงติงก็ไม่สนใจ กล่าวอ้างว่าเป็นเงินที่ตนเองหามาจะทำอย่างไรก็ได้ และเรื่องที่ 10 คือกรณีที่ผู้ใหญ่บ้านขายที่ดินสาธารณะที่ขุดจากโครงการขุดลอกหนองเขของหมู่บ้าน เรื่องที่ 11 เรื่องที่ผู้ใหญ่บ้านใช้รถแม็คโครขุดรื้อป่าสาธารณะของหมู่บ้าน โดยไม่ขออนุญาตจากทางราชการ ฉะนั้นเพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวข้างต้น เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและถูกต้อง จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาให้เสร็จโดยเร็ว
นายอำเภอน้ำพอง กล่าวอีกว่า ในกรณีที่ชาวบ้านได้รับหมายศาลนั้น เป็นเรื่องของการนัดไต่สวนมูลฟ้องยังไม่ได้ประทับรับฟ้อง คาดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหมิ่นประมาท กรณีที่ผู้ใหญ่บ้านได้ขอใช้อำนาจทางศาลว่าได้รับความเสียหายหลังขากชาวบ้านรวมตัวเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2565 ที่ผ่านมา ในส่วนนี้ทางอำเภอจะประสานยุติธรรมจังหวัดเพื่อปรึกษาหารือและขอทนายอาสามาช่วยชาวบ้านให้การต่อศาลในวันที่นัดไต่สวนมูลฟ้อง และจะมีการสอบสวนรายละเอียดต่างๆให้ครบทุกประเด็นก่อนวันที่ 15 ส.ค.2565 นี้ เพื่อจะนำข้อมูลต่างๆไปแถลงต่อศาลในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องให้ทัน ซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
ภาพ/ข่าว : พรพรรณ เพ็ชรแสน สำนักข่าวเนชั่น ศูนย์ข่าวภาคอีสาน