ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการใช้ประโยชน์กัญชา กัญชงในครัวเรือนทางการแพทย์และศึกษาวิจัย
โดยนายแพทย์ เกียรติภูมิ ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายผลักดันกัญชา กัญชง ให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่นำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์และสุขภาพ โดยที่ผ่านมา ประเทศไทยมีกัญชง-กัญชาแพร่หลายอยู่ในประเทศไทยแต่ว่าเป็นลักษณะลักลอบ เนื่องจากผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้ไม่สามารถพัฒนาสายพันธุ์ได้ บางทีการใช้ต้องนำเข้าเมล็ดจากต่างประเทศ มาปลูกก็ต้องขออนุญาติจาก อย. ล่าสุดกัญชาจะถูกปลดล็อคออกจากการเป็นยาเสพติด ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ซึ่งทำให้ประชาชนสามารถปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น
หลังจากได้สายพันธุ์กัญชาที่ดีแล้ว กรมวิชาการเกษตรจะกระจายต้นกล้ากัญชา 1 ล้านต้นโดยจะนำมาให้ประชาชนมาปลูกในครัวเรือน ใช้ประโยชน์เบื้องต้น เช่น การทำอาหาร การรักษาสุขภาพ ของตนเองได้ แต่ต้องมีการให้ความรู้ประกอบเพื่อประโยชน์สูงสุด แต่จะไม่ส่งเสริมไปใช้ในทางที่ผิด เช่น สันทนาการ
และจะเริ่มแจก 1,000 ต้น ในงานมหกรรม 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 มิถุนายน 2565 นอกจากการแจกต้นกล้าพันธุ์แล้ว จะมีการนำร่องแอปพลิเคชัน จดแจ้ง ของ อย. เพื่อความสะดวกให้กับเกษตรกร และแจกคู่มือการปลูกของกรมวิชาการเกษตรด้วย
ด้านนายระพีภัทร์ ระบุว่า กรมวิชาการเกษตร เป็นองค์กรที่เป็นเลิศในด้านการวิจัยและพัฒนาด้านพืชต่างๆ ในส่วนพืชกัญชา กัญชง ได้มีการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และจัดทำเป็นคู่มือการปลูกพืชสกุลกัญชาที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ พร้อมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้กับสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรผู้ปลูก ตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (Good Agriculture Practices : GAP) เพื่อพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้เกษตรกร และนำรายได้เข้าสู่ประเทศ ปัจจุบันได้ก่อสร้างอาคารวิจัยกัญชาระบบปิด โรงเรือนทดลองในระบบกึ่งปิด และแปลงทดลองในสภาพกลางแจ้ง ณ ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย จังหวัดเชียงราย
รวมถึงแปลงทดสอบพันธุ์กัญชงที่เหมาะสมกับพื้นที่ประเทศไทย มีศูนย์เครือข่ายภายใต้สังกัดกว่า 26 ศูนย์ฯ ทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ ตลอดจนเทคโนโลยีการผลิตแบบครบวงจร ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่รองรับการวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมการผลิตแล้ว ยังสามารถใช้เป็นแหล่งผลิตและกระจายต้นกล้ากัญชา กัญชง สายพันธุ์ดีต่อไปในอนาคตได้
ส่วนการแจกกัญชาให้ประชาชนเบื้องต้น โดยในวันที่ 9-10 มิถุนายน 2565 เตรียมต้นกล้า 1,000 คนที่ได้รับอนุญาติจาก อย. ส่วนรายละเอียดในแต่ละเดือนจะให้ประชาชนเดือนละเท่าไหร่ จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง ตอนนี้เรามีการพัฒนากัญชาไปแล้วกว่า 10 สายพันธุ์ โดยจะสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถปลูกเองได้ ตามที่จดแจ้งทะเบียนกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
แนวทางปลูก-นำเข้า "กัญชา กัญชง" หลังปลดล็อก 9 มิ.ย.นี้
นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ซึ่งจะมีผลให้ทุกส่วนของกัญชา กัญชง ไม่ใช่ยาเสพติดประเภท 5 ยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC เกิน 0.2% ยังเป็นยาเสพติด
ส่วนในเรื่องการปลูกนั้น ผู้ที่ต้องการปลูกสามารถปลูกได้โดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เตรียมจะนำมาใช้ในการจดแจ้งการปลูกกัญชาเพื่อดูแลสุขภาพสำหรับประชาชนทั่วไป รวมทั้งการขออนุญาตปลูกในเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้พืชสมุนไพรที่เหมาะสม
ทั้งนี้ การนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชา กัญชง ส่วนอื่นๆ ของพืช เช่น ช่อดอก ใบ กิ่ง ก้าน ไม่ต้องขออนุญาตนำเข้าตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด แต่ต้องขออนุญาตนำเข้าตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 หากเป็นสารสกัดที่นำเข้าจากต่างประเทศ จัดเป็นยาเสพติดให้โทษ ต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด
รองเลขาธิการ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชา กัญชง และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง รวมทั้งกรณีนำเข้าเพื่อใช้เฉพาะตัว ซึ่งหมายถึงการนำติดตัวผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และการส่งทางพัสดุ/ไปรษณีย์ระหว่างประเทศนั้น ต้องเป็นไปตามกฎหมายของผลิตภัณฑ์นั้น เช่น ในกรณีของผลิตภัณฑ์อาหาร และเครื่องสำอางจะห้ามนำเข้า
ส่วนกรณีของผลิตภัณฑ์สมุนไพรนั้น อยู่ระหว่างการจัดทำกฎระเบียบเพื่อห้ามนำเข้าและกรณียกเว้น ทั้งนี้ อย. มีนโยบายในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการผลิตและใช้วัตถุดิบที่มาจากการปลูกในประเทศ ขณะนี้มีกฎระเบียบที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงเพื่อสนับสนุนให้มีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด จำนวน 7 ฉบับ ซึ่ง อย. จะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะต่อไป และหากมีข้อสงสัยเรื่องการปลูกให้สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-590-7767 , 02-590- 7793 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนั้นๆ