svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ห่วงใช้เงินชราภาพ 'ล่วงหน้า' ผิดหลักประกันสังคม

12 พฤษภาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หลังครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับใหม่ เปิดทางให้ผู้ประกันตนมีสิทธิเลือกรับบำเหน็จ บำนาญชราภาพ เป็นหลักประกันการกู้เงินกับสถาบันการเงินได้ และนำเงินกรณีชราภาพที่สมทบอยู่ในกองทุนประกันสังคมออกมาใช้ก่อนบางส่วน

มีความเห็นกรณีใช้เงินชราภาพล่วงหน้าต่างๆมากมายเช่น

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม  แห่งชาติ หรือ สศช. ระบุว่า การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.โดยกำหนดให้มีการนำเงินชราภาพออกมาใช้ก่อนอาจเป็นปัจจัยเร่งให้เงินกองทุนประกันสังคมหมดเร็วขึ้น และอาจส่งผลกระทบให้รัฐบาลต้องนำเงินมาสนับสนุนกรณีกองทุนไม่เพียงพอ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมยังต้องจ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพให้แก่ผู้ประกันตน ตามหลักเกณฑ์ อัตรา และสูตรบำนาญที่กำหนดไว้ นอกจากนี้การอนุญาตให้สามารถนำเงินกองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อน กองทุนชราภาพจะต้องเปลี่ยนการบริหารจัดการใหม่ เนื่องจากต้นทุนเปลี่ยนและความเสี่ยงเปลี่ยน กองทุนฯ อาจต้องปรับลดสัดส่วนการลงทุนระยะยาว ซึ่งมักจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า เป็นการลงทุนระยะสั้นมากขึ้น เพื่อสำรองเงินจ่ายกรณีผู้ประกันตนใช้สิทธิขอเลือก ขอคืน หรือขอกู้ หมายถึงผลตอบแทนรวมจะลดลงซึ่งจะกระทบกับสมาชิกทุกคน เพราะหากไม่เรียกเก็บอัตราสมทบสูงขึ้นก็ต้องลดสิทธิประโยชน์ลง ซึ่งหากทำแล้วต้องกำหนดสัดส่วนให้ชัดเจนว่าให้นำออกมาใช้หรือค้ำประกันเงินกู้ได้เท่าไหร่

ห่วงใช้เงินชราภาพ 'ล่วงหน้า' ผิดหลักประกันสังคม

“หลักการของร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ที่แก้ไขระบบบำนาญชราภาพอาจไม่สอดคล้องกับหลักการประกันสังคม ที่มุ่งลดความเสี่ยงในกรณีที่ผู้ประกันตนจะมีชีวิตยืนยาว กว่าเงินที่เก็บออมไว้ เงินกองทุนชราภาพนั้นเป็นเงินกองกลางที่สำนักงานประกันสังคม บริหารจัดการไว้ทยอยจ่ายให้กับผู้ประกันตนเมื่อเกษียณอายุเป็นรายเดือน ตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต การดึงเงินจากกองทุนชราภาพ นอกจากทำให้หลักประกันทางรายได้ยามชราภาพของผู้ประกันตนที่เลือกใช้สิทธิลดลงแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อเงินกองกลางและผู้ประกันคนรายอื่นๆ ในอนาคตอีกด้วย อีกทั้งระบบประกันสังคมเป็นระบบซึ่งสิทธิประโยชน์ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าตามเงื่อนไข (defined benefit) มิใช่ระบบบัญชีออมส่วนบุคคลเพื่อใช้จ่ายยามชราภาพ (defined contribution) ที่ผู้ส่งสมทบมีสิทธิ์ขาดในเงินส่งสมทบไป และการอนุญาตให้เงินกองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อน จึงผิดหลักการของระบบประกันสังคมที่ถูกออกแบบมาให้เป็นระบu defined benefits มิใช่ระบบ defined contribution”

ห่วงใช้เงินชราภาพ 'ล่วงหน้า' ผิดหลักประกันสังคม

ห่วงใช้เงินชราภาพ 'ล่วงหน้า' ผิดหลักประกันสังคม

ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ให้ความเห็นว่าการแก้ไขดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกันมีหลักประกันรายได้เมื่อเกษียณลดลง สมควรต้องมีมาตรการรองรับในระยะยาวไว้ให้ชัดเจนด้วย โดยเฉพาะการพัฒนาความรู้ และทักษะของผู้ประกันตนให้มีความสามารถในการหารายได้ในอนาคตที่ต้องการความรู้และทักษะใหม่ๆ และควรมีแนวทางในการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบประกันสังคมที่ชัดเจนด้วย

ห่วงใช้เงินชราภาพ 'ล่วงหน้า' ผิดหลักประกันสังคม

ส่วนสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กำหนดว่าภาครัฐควรคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะผลกระทบต่อ ความมั่นคงทางรายได้ยามชราภาพของผู้ประกันตน เนื่องจากการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพในลักษณะดังกล่าวย่อมทำให้รายได้หลังเกษียณ ของผู้ประกันตนลดลงจนอาจไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในอนาคตและมีความเสี่ยงที่จะต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐในท้ายที่สุด นอกจากนั้นหากมีผู้ประกันตนเลือกรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวเป็นจำนวนมากก็อาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในระยะยาวอีกด้วย

ห่วงใช้เงินชราภาพ 'ล่วงหน้า' ผิดหลักประกันสังคม

ด้านกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระบุว่ารัฐบาลควรมีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีโอกาสในการเข้าถึงหลักประกันชราภาพในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อความมั่นคงของรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน เนื่องจากการเปิดทางเลือกให้สามารถเลือกรับเงินบำเหน็จขราภาพได้ ในกรณีที่ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน อาจส่งผลให้ผู้ประกันตนขาดความมั่นคงทางรายได้ยามชราภาพ นำมาซึ่งส่งผลกระทบต่อภาระทางการคลังของรัฐบาลในระยะยาว รวมทั้งควรมีการกำหนดทางเลือกเชิงนโยบายอื่น เช่น การจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเฉพาะกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ หรือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ นอกเหนือจากการให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินสะสม บำเหน็จบำนาญชราภาพบางส่วนมาใช้ดำรงชีพ หรือนำไปลงทุนทำงานอื่นๆในช่วงที่ประสบเหตุวิกฤต โดยไม่เสียดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อการล้มละลายของกองทุนประกันสังคม ซึ่งอาจมีผลตอบแทนในการลงทุนที่ต่ำกว่าเดิม และควรให้ความสำคัญกับประเด็นการให้กลุ่มแรงงานนอกระบบได้เข้าสู่การคุ้มครองเพิ่มมากขึ้น โดยการพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้เพียงพอเหมาะสม และการให้นายจ้างเข้ามามีส่วนรับผิดชอบต่อข้อจำกัดและความสามารถในการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตนในแต่ละกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้สามารถดึงดูดแรงงานนอกระบบเข้ามาในระบบมากขึ้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาส

ให้กลุ่มคนด้อยโอกาส และกลุ่มเปราะบาง เข้าสู่ระบบประกันตนได้มากขึ้นด้วย

logoline